บมจ. อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค(ECF) ปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายยกระดับการดำเนินธุรกิจสู่การเป็นโฮลดิ้งส์ คอมพานี ที่มีรายได้จากหลากหลายธุรกิจ ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต เดินหน้าขยายธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทนสร้างรายได้ประจำ เสริมธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักและธุรกิจร้านค้าปลีก Can Do โดยเจรจาเข้าซื้อกิจการหรือร่วมลงทุนในโรงไฟฟ้าไบโอแมส 2-3 โครงการคาดชัดเจนภายในปีนี้ จากนั้นจะพิจารณาเรียกเพิ่มทุนในอัตราส่วน 30% ของทุนจดทะเบียนในปัจจุบันคือ 142 ล้านบาท
"การลงทุนยังต้องมีอีกหลายๆ โครงการที่เราเจรจาอยู่ ซึ่งหากมีความชัดเจนว่าเราเข้าลงทุน เราก็ต้องมีการพิจารณาเพื่อที่จะเพิ่มทุนต่อไปเพื่อที่จะเป็นการขยายฐานทุนให้ใหญ่ขึ้น จะได้ไม่ติดปัญหาในการลงทุนอื่นๆอีก แต่อย่างไรก็ตามเราก็จะหาวิธีที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งเราก็ยังมีหุ้นกู้ที่ขอที่ประชุมผู้ถือหุ้นไว้เหลืออีก 1,500 ล้านบาทและมีเรทติ้งที่คือ BB"นายอารักษ์ สุขสวัดดิ์ กรรมการผู้จัดการ ECF กล่าว
นายอารักษ์ กล่าวอีกว่า สัดส่วนกำไรสุทธิจากพลังงานจะเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 40% ในปี 61 จากปีนี้ที่แทบจะไม่มีเลย โดยปัจจุบันบริษัทฯมีการลงทุนในโรงไฟฟ้ากำลังการผลิต 47 เมกะวัตต์ตามสัดส่วนการถือหุ้น แบ่งเป็นโรงไฟฟ้า PWGE ขนาด 7.5 เมกะวัตต์จะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในเดือน มิ.ย.นี้
และ โรงไฟฟ้า GEP ขนาด 220 เมกะวัตต์ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา สัดส่วนถือหุ้น 20% จะเริ่ม COD ในช่วงไตรมาส 1/61 ในเฟสแรกกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ และจะทยอย COD ไปต่อเนื่องจนกว่าจะครบทั้งโครงการภายในปี 64 และแห่งสุดท้าย คือ โรงไฟฟ้าพลังงานเทคโนโลยีระบบก๊าซเชื้อเพลิงจากชีวมวล ขนาด 2 เมกะวัตต์ที่จะสามารถ COD ได้ภายในปีนี้
นอกจากนั้น คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ บริษัท เซฟ เอนเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (SAFE) บริษัทร่วมของ ECF เข้าลงทุนในบริษัท เซฟ ไบโอแม็ส จำกัด ธุรกิจ โรงไม้สับ จ.นราธิวาส ในสัดส่วน 100% พร้อมทั้งเข้าลงทุนใน บริษัท บิน่า พูรี่ พาวเวอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด โรงไฟฟ้าพลังงานเทคโนโลยีระบบผลิตก๊าซเชื้อเพลิงจากชีวมวล ขนาด 2 MWแบ่งเป็น 2 โครงการ โครงการละ 1 MW ตั้งอยู่ที่ อ.ลอง และ อ.สูงเม่น จ.แพร่ ในสัดส่วน 49%
นายชาลี สุขสวัสดิ์ รองประธาน ECF เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ECF ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายยกระดับการดำเนินธุรกิจสู่การเป็นโฮลดิ้งส์ คอมพานี ที่มีรายได้จากหลากหลายธุรกิจ ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัท ประกอบด้วย ECF ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา บริษัท อีซีเอฟ โฮลดิ้งส์ (ECFH) ธุรกิจร้านค้าปลีก Can Do และบริษัท อีซีเอฟ พาวเวอร์ จำกัด (ECF-P) ธุรกิจพลังงานทดแทน
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายเปิดกว้าง และพร้อมมองหาธุรกิจใหม่ที่มีความน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ เพื่อคัดเลือกธุรกิจที่มีศักยภาพเข้ามาส่งเสริมการเติบโตของบริษัทในอนาคต และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ทุกฝ่าย
สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศมีแนวโน้มที่ดี บริษัทมียอดจำหน่ายสูงขึ้นต่อเนื่อง จากการเพิ่มออร์เดอร์ของลูกค้าเดิม การขยายฐานลูกค้ารายใหม่ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สอดรับกับความต้องการของตลาดในประเทศ ขณะที่ธุรกิจร้านค้าปลีกรูปแบบร้าน 100 เยน Can Do มีกระแสตอบรับที่ดีขึ้นจากผู้บริโภค โดยเป็นผลจากการขยายสาขาอยู่ในโลเคชั่นที่ดี เป็นแหล่งชุมชนที่มีการขยายตัวสูง ปัจจุบันมีสาขารวม 8 แห่ง
"ธุรกิจและการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังมีทิศทางที่ดี ECF สามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ร้านค้าปลีก Can Do และธุรกิจพลังงานทดแทน มั่นใจว่าปีนี้รายได้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปีแรกที่จะเห็นความชัดเจนของรายได้จากการขยายธุรกิจสู่พลังงานทดแทน" นายอารักษ์ กล่าว