(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นก่อนย่อตัว แม้อาจได้แรงหนุน window dressing แต่มองอัพไซด์จำกัด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 27, 2017 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะปรับขึ้นก่อนจะย่อตัวลง ภาพรวมยังอยู่ในช่วงพักตัว คล้ายคลึงกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ภาพระยะสั้นปรับตัวขึ้นและย่อตัวลง ทั้งในตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป ที่ปิดตลาดวานนี้ลดช่วงบวกลง ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้มีลักษณะของการซึมขึ้นก่อนจะอ่อนตัวลงในบางตลาด

สำหรับตลาดหุ้นไทยมองว่าจะยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (window dressing) ก็ตาม แต่ก็เริ่มมี upside จำกัด โดยเม็ดเงินลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ยังเป็นเงินที่หมุนเวียนในกลุ่ม domestic play หลังจากที่กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ได้โดดเด่นมากนัก จากราคาน้ำมันที่ทรงตัว และส่วนต่าง (สเปรด) ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีไม่ได้โดดเด่นมากนัก

ขณะที่เม็ดเงินลงทุนยังอยู่ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภายในประเทศ เช่น กลุ่มแบงก์บางตัว ที่ยังไม่ได้ปรับขึ้นมาก่อน หรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ เช่น หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หุ้นกลุ่มโซลาร์ฟาร์ม นิคมอุตสาหกรรม แต่ก็เป็นกลุ่มขนาดกลางและเล็ก ไม่ได้มีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีมากนัก

นอกจากนี้มูลค่าการซื้อขายที่เข้ามาในตลาดมีทิศทางลดลง สะท้อนเม็ดเงินที่เข้ามายังอยู่ในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ทำให้ภาพรวมตลาดยังพักตัว

พร้อมให้แนวต้านบริเวณ 1,589 และ 1,595 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1,577 และ 1,573 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 มิ.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,409.55 จุด เพิ่มขึ้น 14.79 จุด (+0.07%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,247.15 จุด ลดลง 18.10 จุด (-0.29%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,439.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.77 จุด (+0.03%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 75.77 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 39.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 0.96 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.10 จุด และดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 37.76 จุด

ตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฏิ้ลฟิตริ

  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 มิ.ย.60) 1,585.61 จุด เพิ่มขึ้น 3.25 จุด (+0.21%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 677.32 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 มิ.ย.60) ปิดที่ 43.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 มิ.ย.60) ที่ 7.10 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.96/97 ตลาดรอถ้อยแถลงประธานเฟด-ประธาน ECB ,มองกรอบวันนี้ 33.95-34.05
  • สคร.ตั้งเป้าหมายกำกับดูแลให้รัฐวิสาหกิจพ้นปัญหาขาดทุนทุกแห่งระบุ 5 ปีข้างหน้าพร้อมนำ 7 รัฐวิสาหกิจออกจากแฟนพื้นฟูกิจการ ผลการดำเนินงานจะต้องเทียบเท่าอุตสาหกรรมเดียวกัน
  • ประชุม ครม.วันนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 60 ภาพรวมของแผนฯ มีการปรับลดวงเงิน 10,576 ล้านบาท จากเดิม 1.74 ล้านล้านบาท เป็น 1.73 ล้านล้านบาท แยกเป็นการปรับปรุงแผนบริหารหนี้ของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ วงเงินปรับลดลง 10,176 ล้านบาท และแผนบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติจาก ครม. วงเงินปรับลดลง 400 ล้านบาท โดยการปรับลดวงเงินดังกล่าวลง ได้ส่งผลให้ระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ลดลงจากที่อยู่ในระดับ 44.5% ต่อจีดีพี เหลือ 42.8% ต่อจีดีพี อยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลัง
  • รมว.คลัง ระบุมีแนวคิดที่จะทบทวนหลักเกณฑ์เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่อยู่ตามแนวชายแดน เพื่อดึงดูดนักลงทุนมาลงทุนมากขึ้นหลังจากปัจจุบันพบว่าเอกชนยังไม่สนใจลงทุนเท่าที่ควร ซึ่งอาจจะต้องปรับแนวคิดการดำเนินเรื่องนี้ใหม่จากเดิมที่จะสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษให้เป็นจุดการค้าชายแดนที่สำคัญ โดยดึงดูดนักลงทุนให้เปลี่ยนฐานการผลิตไปอยู่ชายแดน ใช้แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านแต่นักลงทุนจำนวนมากเห็นว่าไม่คุ้มค่าเช่น ต้องมีเรื่องค่าขนส่ง เป็นต้น
  • "สมคิด"จี้รัฐวิสาหกิจเร่งทำแผนให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ให้แล้วเสร็จใน 2-3 เดือน รองรับแผนการลงทุนปีงบประมาณ 61 หวังช่วยหนุนการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจ ด้านรมว.คลัง เตรียมปรับแผนส่งเสริมการลงทุนอีอีซี หลังเอกชนยังไม่สนใจ ยันพร้อมกู้ 1.7 แสนล้านบาท หนุนรถไฟไทย-จีน เปิดกว้างแหล่งเงินทั้งใน-นอกประเทศ รวมถึงจีน หากให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
  • บีโอไอได้หารือกับหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (เจซีซี) โดยเจซีซียืนยันว่านักลงทุนญี่ปุ่นสนใจลงทุน โดยเฉพาะพื้นที่อีอีซี ซึ่งเจซีซีได้ตั้งคณะกรรมการรวม 3 ชุดศึกษาโอกาสการลงทุนในอีอีซี อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล รวมทั้งได้สอบถามถึงความเป็นไปได้ในการขยายระยะเวลาของมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซีของบีโอไอ ซึ่งจะหมดระยะเวลายื่นขอรับส่งเสริมภายในสิ้นปีนี้ เพราะอาจใช้เวลาการศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนนานกว่า
  • นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าภาพรวมกำลังซื้อของประชาชนไม่ได้แย่ลง เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการจับจ่ายใช้สอยตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยกำลังซื้อดีขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรหลักกระเตื้องขึ้น ภาคท่องเที่ยวดีต่อเนื่อง และรายได้จากราคาสินค้าเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้น แต่ภาคลงทุนเอกชนยังชะลอตัวและส่วนใหญ่มีกำลังผลิตเพียง 60% ปัจจัยหลักเพราะรองบประมาณลงทุนจากภาครัฐและนโยบายอีอีซี ที่ยังไม่เกิดขึ้นได้ตามเป้าหมายที่รัฐกำหนด
*หุ้นเด่นวันนี้
  • LH (หยวนต้าฯ) แนะ"สะสม"ให้ราคาเหมาะสม 12 บาท โดยคาดกำไรสุทธิ 2Q60 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากจะมีกำไรพิเศษราว 1 พันล้านบาท จากการขาย Grand Center Point ราชดำริเข้ากองทุน LHHOTEL ขณะที่มอง LH ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยคาดเงินปันผล 1H60 หุ้นละ 0.25-0.30 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่ 2.5-3.0% พร้อมทั้งคาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2560 ที่ 7,436 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึงปีละ 6-7%
  • SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท โดยประเมินกำไรใน 2Q60 จะโต 40-50% Y-Y เพราะเพิ่มสินค้าใหม่และได้แรงหนุนจากกระแสบิทคอยน์ ตรงข้ามกับ TKS ที่คาดว่าจะชะลอ Y-Y ขณะที่ SYNEX เพิ่งประกาศลงทุน 30% ใน บริษัท บัฟ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่มมิตซุย เพื่อก้าวเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อแบบครบวงจร แม้บัฟจะถนัดสินเชื่อมอเตอร์ไซด์ แต่คาดว่าความชำนาญด้านเช่าซื้อจะเกื้อหนุนให้ธุรกิจเดิมขยายตัวเร็วขึ้น
  • SPRC (ไอร่า) ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท แนวโน้มค่าการกลั่น 2Q/60 ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะค่าการกลั่นเบนซิน ซึ่ง SPRC มีการผลิตมากที่สุด ล่าสุดค่าการกลั่นในตลาดสิงคโปร์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.11 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ SPRC ยังคงเดินหน้าโครงการเพิ่มกำไร (Bottom Line Improvement Program, BLIP) ที่ตั้งเป้าจะเพิ่มกำไรจากโครงการ BLIP ในปี 60 ที่ 0.25 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หรือคิดเป็นประมาณ 500 ล้านบาท พร้อมมองผลงานปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 6,734 ล้านบาท ลดลงจากปี 59 เนื่องจากช่วงปีก่อนมีกำไรจากสต็อกน้ำมันตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท (หลังภาษี) ขณะที่ยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ จึงสามารถจ่ายปันผลได้เต็มที่ คาดปันผลปี 60 ที่ 1.0 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนสูงถึง 7.2%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ