โบรกฯเชียร์"ซื้อ"TISCO คาดกำไร Q2/60 โตสองหลัก YoY หลังตั้งสำรองลด-ส่วนต่างดอกเบี้ยดี,ปันผลเด่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 27, 2017 15:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะซื้อ"หุ้นบมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) หลังมองแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/60 จะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญฯที่ลดลง ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น แต่กำไรในไตรมาส 2/60 จะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/60 จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง และรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลงตามสินเชื่อที่นับตั้งแต่ต้นปียังคงหดตัวต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์ในประเทศช่วง 5 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้น 12.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะช่วยผลักดันพอร์ตเช่าซื้อรถยนต์ของ TISCO ที่มีสัดส่วนมากถึง 60% นั้นให้เติบโตได้ดีด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ประเมินว่าสินเชื่อน่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ และคุณภาพสินทรัพย์ของ TISCO ที่ดีต่อเนื่องสวนทางกับภาพรวมของกลุ่มธนาคารพาณิชย์อื่น รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ยังทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังเพิ่มขึ้น ตลอดจนการเข้าซื้อกิจการสินเชื่อรายย่อยของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ประเทศไทย (SCBT) ก็จะช่วยผลักดันกำไร TISCO ในปีนี้ให้โดดเด่น อีกทั้งมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (dividend yield) ระดับที่สูงจูงใจการลงทุนด้วย

พักเที่ยงราคาหุ้น TISCO อยู่ที่ 77.25 บาท ลดลง 0.25 บาท (-0.32%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.07%

          โบรกเกอร์                คำแนะนำ      		ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          กสิกรไทย                   ซื้อ                       83.00
          บัวหลวง            	       ซื้อ                       78.00
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)          ซื้อ                       83.00
          โนมูระ พัฒนสิน               ซื้อ                       86.00

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มกำไรสุทธิของ TISCO ในช่วงไตรมาส 2/60 จะอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มชึ้น 20.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 2.1% เมื่อเทียบช่วงไตรมาส 1/60 โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการตั้งสำรองที่ลดลง คาดว่าจะช่วยหนุนให้กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 3 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 49% ของของประมาณการรวมทั้งปีนี้ที่ระดับ 6 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ในประเทศตั้งแต่ต้นปีนี้ นับว่าเติบโตได้ในระดับที่ค่อนข้างดีเป็นครั้งแรกในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยผลักดันพอร์ตเช่าซื้อรถยนต์ของ TISCO ให้เติบโตได้ดี ขณะที่ TISCO มีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นสัดส่วนมากถึง 60%

"ความเสี่ยงจริงๆ ของ TISCO ก็มีเพียงเรื่องของ NPL ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งหากมองถึงอุตสาหกรรม NPL ณ สิ้นปีคาดว่าจะอยู่ที่ 3.1% จากปัจจุบันที่ 2.9% ต้องมาดู TISCO ว่าจะควบคุมได้ดีมากน้อยเพียงใด"นายประกิต กล่าว

บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่า TISCO จะรายงานกำไรไตรมาส 2/60 ที่ 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากงวดปีก่อน แต่ลดลง 6% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรที่เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ขยายตัวอยู่ที่ 4.10% เพิ่มขึ้นจาก 4.06% ในไตรมาส 2/59

ขณะที่คาดว่าสินเชื่อรวมจะปรับตัวลดลง 6% นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน และ 2% เมื่อเทียบต่อไตรมาส เนื่องจากมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราผลตอบแทนสูง เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล (สมหวัง เงินสั่งได้) สินเชื่อรถยนต์มือสอง และมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อที่เข้มงวดขึ้นสำหรับสินเชื่อเช่าซื้อปกติ

อย่างไรก็ตาม การตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯของไตรมาส 2/60 คาดว่าจะอยู่ที่ 760 ล้านบาท ลดลง 18% จากงวดปีก่อน เป็นผลจากการจัดการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่อสินเชื่อรวมจะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อยู่ที่ 2.37% ในปลายเดือน มิ.ย.60 ประกอบกับ อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อ NPL ที่สูงถึง 164%

แม้ว่าสินเชื่อสุทธิรวม 5 เดือนแรกของปี 60 ของ TISCO จะหดตัวอยู่ที่ 3.7% นับแต่ต้นปี แต่เชื่อว่า TISCO จะรายงานผลการดำเนินงานที่ดีตลอดปีนี้และปีหน้า โดยมีปัจจัยหนุนจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯที่ลดลง, ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ดีขึ้น, ยอดขายรถยนต์ใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้นในครึ่งหลังปี 60 และการเข้าซื้อกิจการสินเชื่อรายย่อยของ SCBT กว่า 4 หมื่นล้านบาทในเดือนก.ย. 60 โดยคาดกำไร TISCO จะอยู่ที่ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% สำหรับปี 60 และ 6.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% สำหรับปี 61

นอกจากนี้ ยังคาดอัตราตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 4.8% สำหรับในปีนี้ และ 5.1% ในปีหน้า เนื่องจากสัดส่วนเงินทุนต่อสินทรัพย์มีจำนวนมากอยู่ที่ 19.8% ด้วยส่วนประกอบของ Tier-1 ที่ 14.9% ซึ่งทำให้ธนาคารสามารถเข้าซื้อ SCBT ได้โดยไม่ต้องเพิ่มทุน

ด้านบทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า TISCO น่าจะยังคงรักษาระดับผลประกอบการในไตรมาส 2/60 ในระดับทีดีไว้ได้ แม้ว่าสินเชื่อในเดือน พ.ค.จะหดตัว และผลักดันให้สินเชื่อในไตรมาส 2/60 หดตัวลงด้วย แต่เดือน พ.ค.TISCO กลับมีเงินฝากและเงินกู้ยืมเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก และเงินกู้ยืมลดลงจาก 100% ในเดือน เม.ย.เหลือ 96% แต่คาดว่า TISCO จะสามารถรักษาระดับค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยไว้ได้ จากต้นทุนทางการเงินที่ลดต่ำลง และการที่สถานการณ์หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จะทำให้ TISCO ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งสำรองจำนวนมาก

ขณะที่ราคาหุ้น TISCO ที่ลดลงมากในช่วงก่อนหน้านี้น่าจะมาจากความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของบมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) แต่จากการตรวจสอบของทางฝ่าย TISCO ไม่ได้มีการปล่อยสินเชื่อให้กับ EARTH แต่อย่างใด

ฟิลลิปฯ ยังคงประมาณการกำไรปี 60 ไว้ที่ 6.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน และมีปันผลโดดเด่นที่ 4.50 บาท หรือมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลระดับ 5.8%

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่า TISCO จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2/60 ที่ 1.44 พันล้านบาท เติบโต 19% จากงวดปีก่อน ผลักดันจากการตั้งสำรองที่ลดลง แต่คาดกำไรสุทธิลดลง 3% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียม เพราะในไตรมาส 1/60 มีรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจวาณิชธนกิจ (IB) รวมถึงคาดรายได้ดอกเบี้ยลดลงเล็กน้อยตามสินเชื่อที่ยังลดลง

สำหรับในไตรมาส 3/60 คาดกำไรสุทธิเติบโตเมื่อเทียบกับงวดปีก่อน และไตรมาสก่อน จากการตั้งสำรองที่ลดลง นอกจากนี้ คาดว่าสินเชื่อเช่าซื้อจะลดลงในอัตราที่ดีขึ้น และสินเชื่อทีมีผลตอบแทนสูงอย่าง consumer loan จะเติบโตดีขึ้น จากปัจจัยบวกเหล่านี้คาดจะสามารถชดเชยการค่อยๆลดลงของ NIM ตามต้นทุนเงินทุนทีเพิมขึนได้

ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ของ TISCO ที่ยังดีต่อเนื่องสวนทางกับภาพรวมของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ประกอบกับ คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตได้โดดเด่นเมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ในทุกไตรมาสทีเหลือของปี ทำให้คาดว่า TISCO จะมีกำไรสุทธิในปี 60 เติบโตเด่นที่สุดในกลุ่มด้วยอัตราเติบโต 20% จากปีก่อน รวมถึงยังมี dividend yield ทีสูงถึง 5-6% ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ