นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway up เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากตัวเลขส่งออกไทยเดือนพ.ค.ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยที่ต้องติดตามจากนี้ คือ ทิศทางราคาน้ำมันดิบ และการแข็งค่าของเงินบาท รวมถึงนโยบายกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ  
“สัปดาห์นี้ อาจมีแรงซื้อเพิ่มขึ้นจากการทำ window dressing ของไตรมาส 2/60 รวมถึงการทำ Index Rebalance ของดัชนี SET50 และ SET100 ซึ่งอาจทำให้ผู้จัดการกองทุนมีการปรับพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้อง โดยประเมินกรอบการเคลื่อนตัวของดัชนีที่ระดับ 1,560 -1,600 จุด"นายมณฑล กล่าว
นายมณฑล กล่าวว่า สำหรับปัจจัยจากต่างประเทศคาดว่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรในระยะสั้นในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) หลังประเทศสหรัฐฯ และยุโรปประกาศตัวเลข PMI ภาคบริการที่ต่ำกว่าคาดการณ์ รวมถึงแนวโน้มการปรับลด Corporate tax ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากภาวะอุปทานที่มากเกินไป
ขณะที่นักลงทุนยังคงต้องติดตามสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 27 มิ.ย. 60 โดยจะทราบรายละเอียดในเช้าวันที่ 28 มิ.ย. ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งอาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเจรจาแนวทางการปรับลดขนาดงบดุลของเฟด รวมถึงทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ หลายสาขามีมุมมองที่แตกต่างกัน อีกทั้งติดตามในวันที่ 29 มิ.ย. นี้ จะมีการโหวตยกเลิกมาตรการ"โอบามาแคร์"ซึ่งหากไม่มีความชัดเจนก็อาจส่งผลกดดันภาพรวมการลงทุน
ในส่วนของราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลงประมาณ 20% นับตั้งแต่ต้นปี มองว่าเป็นตามอุปทานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเร่งผลิตของประเทศลิเบียและไนจีเรีย ขณะที่อุปสงค์ยังคงฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า อย่างไรก็ดี ระยะถัดไปราคาน้ำมันมีโอกาสทรงตัวได้ โดยยังคงต้องติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับปริมาณการส่งออกน้ำมันของประเทศซาอุฯ ซึ่งมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่เดือนมิ.ย. โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกไปยังสหรัฐฯ รวมถึงความตึงเครียดของกลุ่มประเทศอาหรับตะวันออกกลาง กับประเทศกาตาร์ อีกทั้งในไตรมาส 3 จะเป็นช่วงที่มีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับไตรมาส 4 เนื่องจากเป็นฤดูหนาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาน้ำมัน ในช่วงปลายปีได้ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบที่ระดับ 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล