นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้แรงหนุนจากการทำ Window Dressing ปิด NAV ในไตรมาส 2/60 รวมถึงแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นที่ได้เข้าคำนวณ SET50 และ SET100 รอบใหม่ที่จะมีการปรับน้ำหนักช่วงสิ้นเดือน มิ.ย. อย่างไรก็ตาม Fund Flow ต่างชาติที่ผันผวนยังคงเป็นแรงกดดันต่อทิศทางดัชนี ดังนั้น ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,570-1,600 จุด
ทั้งนี้ แนะนำการลงทุนแบบ Selective Buy ในกลุ่มโรงพยาบาล แนะนำ BDMS และ BH รวมถึงในกลุ่มค้าปลีกที่คาดว่าเป็นเป้าหมายการทำ Window Dressing แนะนำ GLOBAL และ BJC
ด้านนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ ของ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากภาพรวมเศรษฐกิจที่แสดงถึงการฟื้นตัว หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่าเดือนพ.ค.60 การส่งออกเติบโต 13.2% สูงสุดรอบ 52 เดือน และในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้การส่งออกขยายตัว 7.2% สูงสุดในรอบ 6 ปี ประกอบกับการที่กระทรวงคมนาคมมีแผนเร่งเปิดประมูลโครงการในช่วงครึ่งปีหลังอีก 12 โครงการวงเงินกว่า 6.47 แสนล้านบาท คาดจะเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ มูลค่า 1.31 แสนล้านบาทเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน ก.ค.นี้
นอกจากนี้ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCC) ยืนยันว่านักลงทุนญี่ปุ่นสนใจลงทุนพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้ตั้งคณะกรรมการ 3 ชุดศึกษาโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล และการทำ Window Dressing ช่วงปลายเดือนมิ.ย.
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ยังผันผวนตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.เป็น Net Sell เกือบ 6 พันล้านบาท และในปีนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดงบดุลมูลค่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงราคาน้ำมันอ่อนตัวลงจากความกังวลอุปทานล้นตลาดหลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ 9.35 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี และประธานเฟด สาขานิวยอร์กหนุนปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น
ทั้งนี้ ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 29 มิ.ย. สหรัฐฯจะ เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2560 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และวันที่ 30 มิ.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยแถลงข่าวสถานการณ์การส่งออก และในวันที่ 5 ก.ค. กำหนดประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.)
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน ของ GBS เปิดเผยว่า ความผิดปกติของการซื้อขายในตลาดทองคำที่ลอนดอนส่งผลให้ราคาดิ่งลงทันทีกว่า 1% ด้วยปริมาณธุรกรรมมหาศาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และยังส่งผลกระทบไปยังราคาซื้อขายสินทรัพย์ในตลาดอื่นที่มี correlation กับทองคำด้วย อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์เหล่านั้นมีการปรับตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งระดับความผันผวนที่สูงขึ้นชั่วขณะไม่ได้ส่งผลใด ๆ ต่อการซื้อขายหลังจากนั้น
ทั้งนี้ เนื่องจากสัปดาห์นี้ปัจจัยบวกให้น้ำหนักไปที่สินทรัพย์เสี่ยงมากกว่า ทั้งจากการทำ Window Dressing ปิดงวดครึ่งปี และการสนับสนุนทางการเงินแก่ธนาคารท้องถิ่นในอิตาลี ลดโอกาสการรีบาวด์ของราคาทองคำ และคงแนวโน้มขาลงต่อไปในระยะสั้น โดยมีระดับ 1,230 ดอลลาร์ เป็นแนวรับสำคัญที่ถ้าหลุดลงไปต่อ แนวรับถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ 1,200 ดอลลาร์ จึงแนะนำให้ซื้อสะสมที่ระดับ 1,230 ดอลลาร์ เพื่อคาดหวังการรีบาวด์ที่อาจเป็นจังหวะของการเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้นอีกครั้งเมื่อราคารีบาวด์ได้สูงเกิน 1,260 ดอลลาร์
นอกจากนี้ ยังคงมีปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางต่าง ๆ ทั้งเฟด, ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ,ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)