หุ้น THCOM ราคาอ่อนตัวลง 1.76% มาอยู่ที่ 16.70 บาท ลดลง 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 25.96 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.21 น. โดยเปิดตลาดที่ 16.90 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 16.90 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 16.60 บาท
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ขาย"หุ้น บมจ.ไทยคม (THCOM) คาดว่ากำไรสุทธิของ THCOM ในไตรมาส 2/60 จะอยู่ที่ 166 ล้านบาท (รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 55 ล้านบาทแล้ว) ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะกดดันผลประกอบการ คือ ปริมาณการใช้งานที่ลดลงของทั้งดาวเทียมสำหรับบรอดแบนด์ (ไอพีสตาร์) และดาวเทียมแบบดั้งเดิม (ไทยคม 5, ไทยคม 6, ไทยคม 7 และไทยคม 8) แต่ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-2561 ไว้ที่ 803 ล้านบาท (-50% YoY) และ 786 ล้านบาท (-2% YoY) ตามลำดับ พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 17.90 บาท
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 2/60 จะลดลง 36% QoQ และลดลง 72% YoY เชื่อว่าปริมาณการใช้งานของดาวเทียมของ THCOM จะยังคงลดลงต่อเนื่องในไตรมาส 2/60 โดยคาดว่าการใช้งานดาวเทียมแบบดั้งเดิม (ไทยคม 5, ไทยคม 6, ไทยคม 7 และไทยคม 8) จะลดลงจาก 57% ในไตรมาส 2/59 เหลือ 55% ตามแนวโน้มการชะลอตัวของธุรกิจทีวีดาวเทียมในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังคาดว่าการใช้งานดาวเทียมบรอดแบนด์ (ไอพีสตาร์ หรือไทยคม 4) จะลดลงจาก 54% ในไตรมาส 1/60 เหลือ 49% โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการที่สัญญาของบมจ.ทีโอที ได้สิ้นสุดลงตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2560
ถึงแม้ว่าบริษัทจะได้ลูกค้าใหม่ในตลาดอินโดนีเซีย (Axiata) ซึ่งคาดว่าจะใช้งานดาวเทียมไอพีสตาร์ราว 4.7% ของความสามารถในการให้บริการทั้งหมด โดยบริษัทน่าจะเริ่มรับรูรายได้จากลูกค้ารายนี้ตั้งแต่ไตรมาส 3/60 เป็นต้นไป แต่เชื่อว่ารายได้ที่ได้มาจะยังไม่เพียงพอที่จะชดเชย การใช้งานที่ลดลงของทีโอที ตั้งแต่ไตรมาส 2/60 และการสิ้นสุดสัญญากับลูกค้ารายใหญ่ในตลาดออสเตรเลีย (โครงการ NBN) ในไตรมาส 3/60 นอกจากนี้ ยังมีประเด็นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการยิงดาวเทียมดวงใหม่ (ไทยคม 9 และไทยคม 10) ซึ่งต้องได้รับอนุมัติจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะรัฐมนตรีด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่มีข้อสรุปจากทางการในเรื่องนี้