โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง (TPCH) จากแนวโน้มกำไรที่เดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในช่วงปี 60-61 ตามกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ที่จะทยอยจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โดยในปีนี้จะมีโรงไฟฟ้า 2 แห่งที่จะ COD ในช่วงครึ่งหลังของปี และค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) ที่ปรับเพิ่มขึ้นในงวดเดือนพ.ค.-ส.ค. และยังมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีกในช่วงที่เหลือของปี ผนวกกับรับรู้รายได้เต็มปีของโครงการที่ COD ในปีที่แล้วก็จะช่วยหนุนกำไรสุทธิในปีนี้ให้เติบโตได้เป็นตัวเลขสองหลัก
แม้แนวโน้มโครงการโรงไฟฟ้าปัตตานี กรีน (PTG) กำลังการผลิต 46 เมกะวัตต์ อาจต้องเลื่อน COD ไปเป็นปี 62 หลังยังมีความล่าช้าจากการได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) แต่ในปีหน้า TPCH ก็จะยังรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้า 2 แห่งที่เริ่ม COD ในปีนี้ และยังมีโรงไฟฟ้าอีก 3 แห่งที่จะต้อง COD ภายในเดือนธ.ค.61 ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรให้เติบโตในปีหน้า
ขณะเดียวกัน TPCH ยังมีโอกาสที่จะคว้า PPA ใหม่จากการเข้าร่วมเสนอขายไฟฟ้าที่รัฐบาลจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ทั้งในส่วนของ SPP Hybrid Firm และ VSPP Semi-Firm ตลอดจนการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน ที่คาดว่าจะทยอยออกมาในช่วงครึ่งหลังปีนี้ด้วย
พักเที่ยงราคาหุ้น TPCH อยู่ที่ 18.30 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.24%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 22.00 กสิกรไทย ซื้อ 24.00 โกลเบล็ก ซื้อ 22.20 ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ซื้อ 22.00 บัวหลวง ซื้อ 22.00 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อ 21.50 ธนชาต ซื้อ 21.00
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของ TPCH มีแนวโน้มที่เติบโตมากในปีนี้ โดยคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเพิ่มขึ้น 100% มาที่ 402 ล้านบาท จากการรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าพัทลุง กรีน เพาเวอร์ (PGP) และโรงไฟฟ้าสตูล กรีน เพาเวอร์ (SGP) ที่จะเปิดดำเนินการในช่วงครึ่งหลังปีนี้ รวมถึงยังรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีของโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการในปีที่แล้วด้วย นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับขึ้นของค่าเอฟที ในงวดเดือนพ.ค.-ส.ค.จำนวน 12.52 สตางค์/หน่วย
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/60 ของ TPCH ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ เป็นผลจากการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า และค่าเอฟทีในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย.ที่ลดลง แต่คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 จะกลับมาฟื้นตัวขึ้น หลังไม่มีผลกระทบจากการปิดซ่อมบำรุงแล้ว
ขณะที่ TPCH ยังมีโอกาสที่จะได้รับ PPA เพิ่มเติมในอนาคต หลังรัฐบาลอยู่ระหว่างจะเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนหลายรูปแบบ ทั้ง SPP Hybrid Firm จำนวน 300 เมกะวัตต์ ,VSPP Semi-Firm จำนวน 269 เมกะวัตต์ ,การรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP และ VSPP ประเภทเชื้อเพลิงขยะชุมชน รวม 130 เมกะวัตต์ เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เนื่องจาก TPCH นับว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตไฟฟ้าชีวมวล รวมถึงยังมีศักยภาพในด้านการเงินด้วย
"ปีนี้ TPCH จะเปิดโรงไฟฟ้าใหม่ 2 โครงการ และยังได้รับประโยชน์จากค่าเอฟทีที่เพิ่มขึ้น ก็จะผลักดันให้กำไรของ TPCH ในปีนี้เพิ่มขึ้น 100%"นายกิติชาญ กล่าว
อย่างไรก็ตามนายกิติชาญ เห็นว่า ราคาหุ้น TPCH ซึ่งนับว่าอยู่ในกลุ่มพลังงานทดแทน ในช่วงที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้คึกคักมากนัก ส่วนหนึ่งมาจากการที่ทิศทางราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ความน่าสนใจในเรื่องการใช้พลังงานทดแทนลดลง อย่างไรก็ตามการที่แนวโน้มผลการดำเนินงานของ TPCH ที่ยังคงเติบโตได้ทำให้ยังคงคำแนะนำ"ซื้อ"
ด้านนักวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้กำไรของ TPCH ยังคงเติบโตได้ดีในช่วง 60-61 จากโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะทยอยเข้าระบบ โดยในปีนี้ยังคงประมาณการกำไรของ TPCH ที่ระดับ 391 ล้านบาท เติบโต 95% จากปีที่แล้ว หลังคาดว่าในเดือนมิ.ย. จะเริ่มรับรู้กำลังการผลิตใหม่จากโรงไฟฟ้า PGP กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ และในไตรมาส 3/60 จะรับรู้โรงไฟฟ้า SGP กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์
สำหรับในปี 61 ได้ปรับประมาณการกำไรของ TPCH ลงราว 19% จากประมาณการเดิม มาที่ระดับ 515 ล้านบาท ซึ่งยังคงเติบโต 31% จากปีนี้ เนื่องจากโรงไฟฟ้า PTG อาจจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ล่าช้าจากไตรมาส 2/61 เป็นไตรมาส 1/62 ขณะที่โรงไฟฟ้า TPCH 1, TPCH 2 และ TPCH 5 กำลังผลิตรวม 24.7 เมกะวัตต์ ที่เพิ่งได้ PPA มาเมื่อปีที่แล้ว จะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าได้ตามแผนในไตรมาส 4/61
นอกจากนี้ TPCH ยังมีความพร้อมที่จะเข้าเสนอขายไฟฟ้า สำหรับ SPP Hybrid Firm และ VSPP Semi-Firm ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรซึ่งอยู่ระหว่างเจรจา 2-3 รายในการเข้าร่วมเสนอขายไฟฟ้า
ด้านบทวิเคราะห์บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า การที่โรงไฟฟ้า PGP จะเริ่มผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปลายไตรมาส 2/60 ล่าช้าออกไป 2-3 เดือนจากคาดเดิม เนื่องจากใช้ระยะเวลามากขึ้นในการทำ Trail run เพิ่มขึ้นตามข้อกำหนดใหม่ของภาครัฐ ขณะที่โรงไฟฟ้า SGP จะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ตามแผนภายในไตรมาส 3/60 ทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 60 ลง 8% แต่ภาพรวมยังกำไรในปีนี้ยังเติบโตได้ 65% จากปีก่อน
พร้อมกันนี้ยังปรับลดประมาณการกำไรของปี 61 ลง 20% จากโครงการโรงไฟฟ้า PTG เฟส 1 ที่ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการขอ PPA หลังจากผ่านการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และได้รับการแสดงความจำนงรับซื้อไฟ (LOI) จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แล้วนั้น คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ปลายไตรมาส 1/62 จากเดิมคาดในไตรมาส 3/61 อย่างไรก็ตามประมาณกำไรของ TPCH ในปี 61 ที่ปรับใหม่นั้น ยังคงเติบโต 47% เมื่อเทียบกับปีนี้
"แม้จะปรับประมาณการกำไรลงแต่ยังเป็นกำไรที่เติบโตเฉลี่ย 49% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า จากการทยอย COD ของโรงไฟฟ้าใหม่ ราคาหุ้นยังมี Upside กว่า 19% จากราคาเป้าหมายปี 60 ที่ 22 บาท และยังมี Upside จากโอกาสได้ขยายกำลังผลิตอนาคต จากโครงการรับซื้อไฟฟ้าของภาครัฐ"ฟินันเซียฯ ระบุ