ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ยอดขาย "มาม่า" เติบโตได้แล้ว 6% ขณะที่ตลาดรวมเติบโต 4% โดยอัตราการเติบโตของยอดขาย"มาม่า" มาจากการจัดกิจกรรมทางการตลาด "ร่วมรหัสลุ้นล้าน"ตั้งแต่เดือน ก.พ.จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. ซึ่งมีทั้งแบบซองและแบบคัพ และได้รับการตอบรับดี นอกจากนี้ในเดือนมี.ค. ยังออกแพ็กเกจแบบคัพ 2 ถ้วยราคา 20 บาทขายในห้างทั่วไป และในเดือน เม.ย. ก็มีแพ็กเกจซื้อแบบคัพ 2 ถ้วยราคา 20 บาทขายในห้างใหญ่
ปัจจุบัน "มาม่า"มีส่วนแบ่งตลาดเกินกว่า 50% ขณะที่การทำกิจกรรมการตลาดในช่วง 3 เดือนติดต่อกัน ก็ช่วยผลักดันยอดขายได้ดี
"สินค้าตัวใหญ่เราต้องโตมากกว่าตลาด โดยสิ่งที่เราทำต้องการให้ยอดโต ซึ่งปกติรายการชิงโชคจะอยู่ปลายปี และเล่นเฉพาะมาม่าคัพ แต่เราเพิ่มมาม่าซอง ก็การตอบรับดีมาก"นายเวฑิต กล่าว
นายเวฑิต กล่าวอีกว่า ส่วนร้านสะดวกซื้อ LAWSON คาดว่าจะดำเนินการถึงจุดคุ้มทุนได้ในราว 1-2 ปี ที่จะมีสาขาครบ 500 สาขา จากปัจจุบันมี 90 สาขา ทั้งนี้ ร้าน LAWSON จะเน้นกลุ่มเป้าหมายคนในเมือง และกลุ่มคนทำงาน (white collar) ทำให้จุดที่ตั้งสาขาจะอยู่ในเมือง เช่น กรุงเทพฯ ศรีราชา ชลบุรี สถานีรถไฟฟ้า MRT โดยจะไม่ลงมาแข่งขันตลาด Mass เพราะสู้เจ้าตลาดไม่ได้