นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง (SPI) คาดหวังว่าธุรกิจของบริษัทจะเติบโต หลังการรับโอนกิจการของบริษัท เพรซิเดนท์โฮลดิ้ง จำกัด (PH) และการเข้าถือหุ้นเพิ่มในบริษัทที่ทำธุรกิจอาหารในกลุ่มสหพัฒน์ ที่มีศักยภาพการเติบโตต่อเนื่องในทุกปี ซึ่งจะหนุนให้มีกระแสเงินสด (cash flow) เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันในส่วนของธุรกิจสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ที่ดำเนินการโดยบริษัทนั้น ก็จะได้รับอานิสงส์การขายพื้นที่เพื่อรองรับการเกิดโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ด้วย
ทั้งนี้ SPI อยู่ระหว่างการเตรียมรับโอนกิจการทั้งหมดของ PH ซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่าระยะยาวยานพาหนะและเครื่องจักรและธุรกิจลงทุนโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น ซึ่งรวมถึงหุ้นที่ PH ถือในบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลักด้านอาหาร ได้แก่ บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TF) และบมจ.เพรซิเดนท์ไรซ์โปรดักส์ (PR) และบมจ.เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ (PB)
ซึ่งตามแผนหลังการรับโอนกิจการ PH แล้ว SPI มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดใน PR และ PB โดยในการนี้ TF จะเข้าร่วมกับ SPI ในการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดใน PB (Co-Tender Offer)
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเนื่องจากกลุ่มสหพัฒน์มีเป้าหมายจะควบรวม TF กับ PR เพื่อกลายเป็นบริษัทใหม่เพื่อเป็นบริษัทหลัก (Flagship Company) ในเครือสหพัฒน์ ที่ประกอบธุรกิจหลักด้านอาหาร ซึ่งรวมถึง อาหารกึ่งสำเร็จรูปภายใต้เครื่องหมายการค้า "มาม่า" ทั้งหมดและธุรกิจอื่น ๆ รวมถึงขนมปังกรอบ น้ำผลไม้ ขนมปัง เบเกอรี่ และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น
"ภายหลังจากการควบรวมกิจการดังกล่าวแล้ว บริษัทจะมี cash flow เพิ่มมากขึ้น จากการเข้าถือหุ้นใน TF,PR และ PB มากขึ้น รวมถึงการเติบโตของทั้ง 3 ธุรกิจในทุก ๆ ปี ก็น่าจะส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้น และกลุ่มสหพัฒน์"นายวิชัย กล่าว
นายวิชัย กล่าวอีกว่า นอกจากการเติบโตจากการรวมธุรกิจของกลุ่มสหพัฒน์ดังกล่าวแล้ว บริษัทยังมีธุรกิจสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ อยู่ในมือด้วย ซึ่งมีที่ดินที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC จำนวนมาก ก็น่าจะทำให้ได้รับอานิสงส์จากภาครัฐมากพอสมควร รวมถึงเครือสหพัฒน์ยังมีพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดด้วย ทำให้บริษัทมีความพร้อมที่จะขยายการเติบโตออกไปได้อีกมาก
อนึ่ง SPI เป็นหนึ่งในเครือสหพัฒน์ ที่ประกอบธุรกิจการลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ,สวนอุตสาหกรรม และการให้เช่าและบริการ