นายธราภุช คูหาเปรมกิจ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก มองปีนี้ราคาทองคำน่าจะอยู่ในกรอบ 1,100-1,330 เหรียญ/ออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำปัจจุบันอยู่ที่ 1,240 เหรียญ/ออนซ์ โดยแนวโน้มราคาทองคำในครึ่งปีหลังนี้ ทางฝ่ายวิเคราะห์มองว่า มีโอกาสปรับตัวลดลง เนื่องจากยังคงมีปัจจัยกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จากการตัดสินใจปรับลดขนาดงบดุลของ Fed ยังมีความไม่ชัดเจนทั้งลักษณะ วิธีการ และระยะเวลา ซึ่งจะส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดลดลง ราคาทองคำในฐานะสินค้าโภคภัณฑ์จึงได้รับผลกระทบทางลบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของสหรัฐฯในการกดให้ดอลลาร์อ่อนค่า และความเสี่ยงจากฝั่งยุโรปในกรณีปัญหาหนี้สาธารณะ การทำประชามติแยกตัวจากกลุ่ม และการเจรจา Brexit ยังเป็นประเด็นบวกต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ส่วนราคาทองคำในประเทศมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบน้อยลงจากการแข็งค่าของเงินบาท เว้นแต่ภาวะหนี้ครัวเรือนจะผ่อนคลายลงและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น และหากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของญี่ปุ่นมีความต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีอาจทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เริ่มแสดงท่าทีว่าจะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน ซึ่งต้องติดตามดูในช่วงปลายปีนี้
จากปัจจัยดังกล่าวในข้างต้น ทางบล.โกลเบล็ก ประเมินกลยุทธ์การลงทุนทองคำ รอจังหวะซื้อขายเป็นรอบตามการเคลื่อนตัวของราคาระยะ 1 – 3 เดือน ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน เพราะเป็นการล้อไปตามแนวโน้มราคาและลดความเสี่ยงของค่าเงินที่ผันผวน โดยเน้นขายทำกำไรในช่วงราคาเหนือ 1,300 เหรียญ/ออนซ์ และเข้าซื้อสะสมเมื่อราคาลงมาต่ำกว่า 1,200 เหรียญ/ออนซ์ ในขณะที่ช่วงราคาระหว่าง 1,200 – 1,300 เหรียญ/ออนซ์ เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น
ด้านแนวทางการดำเนินงานของธุรกิจทองคำในปีนี้ บริษัทฯ จะขยายไปยังร้านค้าทองรายย่อยเพิ่มมากขึ้น และเตรียมทำ Platform เทรดทองคำบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งน่าจะเป็นตัวช่วยให้ลูกค้าดูราคาได้ง่ายขึ้น
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ครึ่งปีแรกนี้ สิ้นสุด 30 มิ.ย.60 มีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดหุ้นรวมราว 13,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจากการลงทุนโครงการภาครัฐที่เร่งตัวขึ้น เช่น โครงการรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ น่าจะมีการประมูลได้ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจได้พอสมควร ประกอบกับยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดระดับสูง ,การมี Roadmap การเลือกตั้งในช่วงปลายปี 60 รวมถึงค่า PER ตลาดหุ้นไทย (16 เท่า) ต่ำกว่า PER ตลาดหุ้นเกิดใหม่อื่นๆ เช่น PER ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย 23 เท่า ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ 22 เท่า น่าจะส่งผลทำให้มีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาในประเทศไทยมากกว่าครึ่งปีแรก โดยประเมินกรอบกรอบดัชนีในครึ่งปีหลังไว้ที่ระดับ 1,500 – 1,740 จุด บนสมมติฐาน GDP 3 – 4% และ P/E ที่ 13 – 15 เท่า
แนะจับตาดู FED น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในช่วงปลายปีนี้ และ ECB ที่จะมีการปรับลดการใช้ QE รวมถึงน่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจากติดลบ เป็น 0% น่าจะส่งผลให้ Fund Flow ผันผวน แต่การไหลเข้ามาอาจจะไม่เยอะมากนัก และน่าจะเป็นการไหลเข้ามาทั้งสองตลาด คือตลาดหุ้นและตราสารหนี้
"จับตาการใช้มาตรการ QE ที่ระดับ 60,000 ล้านยูโร/เดือน ของ EU จะหมดอายุปลายปี 60 และ Fund Flow ที่ยังคงผันผวนจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย และการปรับลดงบดุลของ FED รวมถึงปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซน เช่น การเลือกตั้งเยอรมนี อิตาลี รวมทั้งภาระหนี้ครัวเรือนและโครงสร้างประชากรที่มีผู้สูงอายุมากขึ้นกดดันการใช้จ่ายของผู้บริโภคให้เป็นไปอย่างระมัดระวัง"นายชัยยศ กล่าว
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับหุ้นที่มีความน่าสนใจในตลาด mai ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง และน่าลงทุน โดยแนะนำ “ซื้อ" หุ้น BIZ ราคาเหมาะสม 5.13 บาท ซึ่งคาดกำไรไตรมาส 2/60 มีแนวโน้ม เติบโตกว่า 5 เท่าตัวจากไตรมาสก่อนสู่ระดับ 24 ล้านบาท จากรายได้จากการส่งมอบงานที่คาดว่าจะสูงขึ้น และคาดไตรมาส 3 รายได้จะเติบโตต่อจากการทยอยส่งมอบงาน
หุ้น LIT แนะนำ “ซื้อ" ราคาเหมาะสม 14.20 บาท ให้บริการสินเชื่อประเภท Non-bank ที่มี สัญญาณการเติบโตของสินเชื่ออยู่ในระดับสูง พอร์ตสินเชื่อ ณ ปลาย ไตรมาส 1/2560 เติบโต 69% จากปีก่อนสู่ระดับเกือบ 2 พันล้านบาท ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิปี 60 เติบโต 49% เป็น 150 ล้านบาท คาดกำไรมีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดใหม่ในทุกไตรมาสของปีนี้ และคาดกำไรปี 61 เติบโตต่อเนื่องอีกราว 26% เป็น 188 ล้านบาท
ด้านกลุ่มที่ยังต้องระมัดระวังการลงทุน คือ กลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันที่ยังคงผันผวนค่อนข้างมาก จากการเพิ่มกำลังการผลิตของสหรัฐฯ ขณะที่กลุ่มโอเปคและรัสเซีย ก็พยายามที่จะลดกำลังการผลิตลงมา ส่งผลต่อราคาน้ำมันน่าจะยังผันผวน และน่าจะทำให้กลุ่มพลังงานปรับตัวลงตาม รวมถึงกลุ่มหุ้นที่มี P/E ในระดับสูง แต่ผลประกอบการทำไม่ได้อย่างที่คาดหวังไว้ เมื่อดัชนีปรับตัวลงแรงก็อาจจะส่งผลกระทบต่อหุ้นดังกล่าวได้
นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิช รองกรรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ส่วนงานธุรกิจตราสารอนุพันธ์ (TFEX) บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า โดยการมีบทวิเคราะห์ที่ให้ข้อมูลถูกต้องแม่นยำ และการพัฒนาโปรแกรมการเทรด TFEX นอกเหนือจากโปรแกรม Steaming บริษัทฯ ก็มีการให้ลูกค้าเข้ามาใช้โปรแกรม MT4 ซึ่งตอบรับเทคโนโลยีการส่งคำสั่งซื้อขายแบบอัตโนมัติ รวมถึงลูกค้าในกลุ่มการซื้อขายสกุลเงิน (FOREX) ก็สามารถเข้ามาซื้อขายในตลาดดังกล่าวได้ ผ่านโปรแกรมนี้
"ด้วยโปรแกรมตัวนี้ เราคิดว่าจะทำให้ประสิทธิภาพในการส่งซื้อขายของลูกค้ามีมากยิ่งขึ้น และน่าจะทำให้เรารักษาฐานลูกค้าให้อยู่กับเรามากขึ้นโดยไม่ต้องแข่งขันค่าคอมมิชชั่น และวันหน้าน่าจะสร้างค่าคอมมิชชั่นให้สูงขึ้นด้วย"นายสัญญากล่าว