KBANK ไม่กังวลธปท.ปรับเกณฑ์สินเชื่อบัตรเคดิต-ส่วนบุคคล มองช่วยลดเสี่ยงหนี้เสีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 4, 2017 15:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารคาดว่าผลกระทบของการปรับเกณฑ์ใหม่ในการอนุมัติวงเงินบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่เพิ่มความเข้มงวดขึ้นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เตรียมประกาศใช้นั้น จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจธนาคารพาณิชย์เพียงเล็กน้อย เพราะสัดส่วนลูกค้าในกลุ่มบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับทั้งระบบ

โดยเฉพาะของธนาคารกสิกรไทยมีพอร์ตของกลุ่มลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่กว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งหากเกณฑ์ใหม่ออกมาธนาคารจะได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ไม่มาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารไม่ได้มีความกังวล

อีกทั้งธนาคารมองว่าเกณฑ์ใหม่ที่จะออกมาจะช่วยให้ประชาชนมีวินัยในการใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้ไม่เผชิญกับปัญหาการสร้างหนี้ที่เพิ่มขึ้น และเป็นการช่วยให้ธนาคารลดความเสี่ยงที่จะมีหนี้เสียเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คุณภาพหนี้ของธนาคารดีขึ้น โดยประเด็นดังกล่าวธนาคารไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับเกณฑ์ใหม่ เพราะการอนุมัติวงเงินบัตรเครดิตของฉนาคารยังคงเป็นไปตามเดิมที่ธนาคารมองว่ามีความเหมาะสมกับคุณสมบัติของลูกค้าแต่ละราย ขณะเดียวกันในเรื่องของการที่อาจจะมีลูกค้าบางรายไปไช้บริการเงินกู้นอกระบบ หลังจากเกณฑ์ใหม่ออกมานั้น มองว่าเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้หากบุคคลนั้นๆมีความจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งในปัจจุบันการให้วงเงินกับลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่สูง ลูกค้าบางรายก็ไม่ได้ใช้วงเงินตามที่ธนาคารให้ไป ซึ่งในบางรายวงเงินที่ธนาคารให้ไปอาจจะเกินความจำเป็นของลูกค้า

โดยทางสมาคมธนาคารไทยก็ยังมีความประสงค์ให้ประชาชนไม่ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย และไม่ก่อหนี้สินมากเกินไป ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้หนี้ครัวเรือนในระบบเพิ่มขึ้นและส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งสมาคมธนาคารไทยยังคงต้องการไห้ประชาชนนำเงินที่ได้มาจากการทำงานแบ่งสัดส่วนเป็น 40% เพื่อออม และส่วนที่เหลืออีก 60% เพื่อการใช้จ่ายในการดำรงชีวิต

"ธนาคารไม่ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ เพราะลูกค้าก็ยังจหมือนเดิม มาตรฐานการอนุมัติวงเงินของธนาคารยังเหมือนเดิม ตอนนี้ลูกค้าบางรายให้เยอะไปก็ใช้ไม่ครบตามที่ให้ เกณฑ์ของแบงก์ชาติที่จะปรับลดเพดาบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่จะออกมาก็เป็นการสร้างวินัยและทำให้คนตระหนักถึงการใช้เงิน ส่วนผลกระทบต่อภาพรวมแบงก์และธนาคารกสิกรเชื่อว่าน่าจะไม่มีผลกระทบอะไรมาก"นายปรีดี กล่าว

ส่วนแนวโน้มสินเชื่อรวมของธนาคารในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเห็นการเติบโตที่สูงขึ้นกว่าครึ่งปีแรก จากปัจจัยหนุนด้านการส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับภาคการส่งออกมีการใช้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน (working capital loan) มากขึ้น เพื่อนำเงินมาผลิตสินค้ารองรับออเดอร์ของลูกค้า และสินเชื่อโปรเจ๊คท์ไฟแนนซ์ ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนของโครงการขนาดใหญ่ที่จะเริ่มในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่ารวมกว่าแสนล้านบาท

ปัจจัยดังข้างต้นถือว่าเป็นสัญญาณบวกว่าแนวโน้มความต้องการสินเชื่อจะมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และผลักดันให้สินเชื่อรวมของธนาคารเติบโตได้มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากสินเชื่อรวมของธนาคารใน 5 เดือนที่ผ่านมาเติบโต 2.3% ซึ่งธนาคารยังมั่นใจว่าสินเชื่อรวมในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้โต 4-6% ส่วนสินเชื่อรวมของทั้งนะบบธนาคารพาณิชย์ก็จะมีการเติบโตในทิศทางที่ดีเช่นเดียวกันในครึ่งปีหลังจากการเบิกจ่ายของภลครัฐและการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ