นายสันติ กีระนันท์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ (IPO) จะเริ่มเห็นบริษัทเข้ามาซื้อขายมากขึ้นตั้งแต่เดือนนี้ และทยอยเข้ามาต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี โดยจะมี 2 บริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) มากกว่า 4 หมื่นล้านบาทต่อแห่ง เข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้มั่นใจว่าปีนี้มูลค่ามาร์เก็ตแคปหุ้น IPO จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2.8 แสนล้านบาท และมีจำนวนบริษัทที่เข้าจดทะเบียนทั้งหมดราว 30 บริษัท หลังจากช่วงครึ่งปีแรกมีบริษัทเข้าจะทะเบียนแล้ว 11 บริษัท คิดเป็นมูลค่า 140,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ คาดว่าจะมีบริษัทจากต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย 1 แห่ง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีถัดๆไป ซึ่งเป็นเป้าหมายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะนำบริษัทจากต่างประเทศเข้ามาขยายตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย
นายสันติ กล่าวว่า ปัจจุบันมีบริษัทที่อยู่ในระหว่างการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนกว่า 100 แห่ง โดยแต่ละบริษัทใช้เวลาเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนประมาณ 2 ปี โดยยอมรับว่าบุคลากรด้านการตรวจสอบบัญชีขาดแคลนทำให้การเข้าจดทะเบียนของบริษัทต่างๆมีความล่าช้าออกไป
นายสันติ กล่าวต่อว่า ตลท. ได้ตั้งบริษัทย่อยคือ บริษัท ไลฟ์ฟินคอร์ป จำกัด โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือหุ้น 99.99% และล่าสุดได้เปิดตัว “LIVE" platform ตลาดซื้อขายสำหรับธุรกิจ Startup และ SMEs โดยการสนับสนุนของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ (National Startup Committee) ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุญาตการประกอบธุรกิจจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้บริการปลายไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ Startup เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการระดมทุนและเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายเปลี่ยนมือ โดยเบื้องต้นจะคัดเลือก Start up ที่มีศักยภาพ จากจำนวน Start Up ที่เคยมาลงทะเบียนกับตลท.ไว้ 700 ราย โดยจะประเมินจากบริษัทที่มีการนำส่งงบการเงินอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องมีกำไรสุทธิ
ส่วนนักลงทุนเน้นเป็นนักลงทุนมืออาชีพ คือกลุ่มนักลงทุนสถาบัน Venture Capital ส่วนนักลงทุนทั่วไปคือนักลงทุนที่มีรายได้ 4 ล้านบาทต่อปี มีสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท และมีประสบการณ์ในการลงทุนมากกว่า 1 ปี เพื่อสามารถรองรับความเสี่ยงได้