นายอภิชัย เตชะอุบล รองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ. ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม (TFD) ประเมินถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 60 จะกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ตามแผน โดยคาดว่ารายได้จะแตะที่ระดับ 4,000 ล้านบาท เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
โดยในส่วนของพื้นที่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี เฟส 2 อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 800 ไร่ ตั้งอยู่ในโซนแผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development: EEC) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ที่สำคัญอยู่ห่างจากมอร์เตอร์เวย์เพียง 4 กิโลมตร อยู่ใกล้กับสนามบิน ใกล้กับท่าเรือ และน้ำไม่ท่วม จึงได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรอผลผ่านการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดจะได้รับการอนุมัติภายในเร็ว ๆ นี้
ส่วนธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท โทเทิล อินดัสเตรียล เซอร์วิสเซส จำกัด (TISCOM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TFD ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ยอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดย TISCOM มีโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าให้เช่า 3 โครงการ คือ โครงการ Green Park 1 ตั้งอยู่ในนิคมฯทีเอฟดี เฟส 2 จำนวน 8 โรง ขนาด 57,000 ตารางเมตร มูลค่า 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้ว 25% ส่วน Green Park 2 (บางเสาธง) ขนาด 16,400 ตารางเมตร อยู่บนถนนบางนา-ตราด กม.22 มูลค่า 600 ล้านบาท และโครงการ Green Park 3 (บางเสาธง) ขนาด 23,000 ตารางเมตร มูลค่า 800 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ดำเนินงานผ่านบริษัทย่อย บริษัท คราวน์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ล่าสุด ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท บิวตี้ฮอนเนอร์ เอ็นเตอร์ไพร์ช ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่มของ “Country Garden Holdings" บริษัทอสังหาริมทรัพย์และพัฒนาที่ดินอันดับหนึ่งจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยฮ่องกง โดยจะร่วมลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมใจกลางรัชดาฯ ย่านธุรกิจใหม่ของกรุงเทพฯ มูลค่าโครงการ 6,800 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดบนและลูกค้าชาวจีน เตรียมเปิดขายโครงการในไตรมาส 3/60 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนได้ภายในปี 62
“คันทรี การ์เด้นฯ เป็นยักษ์ใหญ่อสังหาฯเบอร์หนึ่งในประเทศจีน ที่มีการกระจายการลงทุนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นจีน อินโดฯ มาเลย์ และเวียดนาม ซึ่งการเข้ามาบุกตลาดในไทยครั้งนี้ ได้ตัดสินใจเลือกลงทุนร่วมกับ TFD และมั่นใจว่าหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จจะมีการขยายความร่วมมือในโครงการอื่นๆในอนาคต เนื่องจาก คันทรี การ์เด้นฯ ได้วางเป้าหมายเอาไว้ว่าภายใน 4-5 ปีข้างหน้า จะขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย"
ทั้งนี้ TFD ไม่มีปัญหาในเรื่องของเงินลงทุนเนื่องจากได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการขยายธุรกิจเอาไว้แล้ว ที่ผ่านมาได้รับเงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 250 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2 บาท ให้กับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไต้หวัน 2 ราย และนักธุรกิจอสังหาฯในไทย 1 ราย ได้เงินเข้ามากว่า 500 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจในปี 2560 ตามแผน
“นักธุรกิจจากไต้หวันที่เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ของ TFD ทำธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมอยู่ที่ไต้หวัน รู้จักผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะช่วยแนะนำลูกค้าในไต้หวันที่ต้องการย้ายฐานการผลิต เข้ามาซื้อที่ดินหรือสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม TFD เนื่องจากค่าแรงในไต้หวันแพงกว่าไทย 2-3 เท่าตัว จึงมีโอกาสที่จะมีการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย โดยในปี 2561 บริษัทฯเตรียมเปิดขายที่ดินในเฟส 3 บนพื้นที่ 1,500 ไร่ เพื่อรองรับการขยายการลงทุนของต่างชาติ ที่จะเข้ามาลงทุนในโซน EEC"นายอภิชัย กล่าว