นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์เอพีเอ็มลาว จำกัด (APMLAO) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท พูสีก่อสร้างและพัฒนา มหาชน (PCD) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (แบบไฟลิ่ง) และยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 ต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์ (คคซ.) เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 กีบ (ประมาณ 4 บาท) ล่าสุดทางสำนักงานคคซ.ได้อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท พูสีก่อสร้างและพัฒนา มหาชน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยเบื้องต้นกำหนดช่วงเวลาการเสนอขายหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 17-21 กรกฎาคม และน่าจะเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ลาวได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้
ด้านนายสูนทอน สินทะประเสริฐ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ลานช้าง มหาชน หรือ LXS ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย (Lead Underwriter) หุ้นของ PCD เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 100 ล้านหุ้น แบ่งเป็นจำนวน 90 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไปและต่างประเทศ ราคาเสนอขายหุ้นละ 1,200 กีบ และจำนวน 10 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ราคาเสนอขายหุ้นละ 1,100 กีบ
นอกจากนี้บริษัทยังมีบริษัท หลักทรัพย์ลาวจีน จำกัด และบริษัท หลักทรัพย์ BECL-KT จำกัด เข้ามาร่วมเป็นตัวแทนการจัดจำหน่าย (Selling Agent) หุ้นของ PCD ในครั้งนี้ด้วย
“จากการเดินสายนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน (Road show) ทั้งในสปป. ลาวและต่างประเทศ นักลงทุนได้สอบถามถึงแผนการดำเนินธุรกิจ รวมถึงแผนการขยายการลงทุนในอนาคตที่จะทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทำให้มั่นใจว่าหุ้นของ PCD จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน"นายสูนทอน กล่าว
ขณะที่นายสีทอง พรหมมะจิต ประธานสภาบริหาร ของ PCD หนึ่งในผู้นำการให้บริการงานวิศวกรรมการก่อสร้างแบบครบวงจร(Design and EPC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนการใช้เงินจากการระดมทุนที่คาดว่าจะได้ประมาณ 119,000 ล้านกีบ (ประมาณ 476 ล้านบาท) ไปจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับงานก่อสร้างประมาณ 20,000 ล้านกีบ (ประมาณ 80 ล้านบาท) วิจัยค้นคว้าและพัฒนา(Research and Development) ประมาณ 5,000 ล้านกีบ (ประมาณ 20 ล้านบาท) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในงานก่อสร้างประมาณ 30,000 ล้านกีบ (ประมาณ 120 ล้านบาท) บางส่วนนำไปชำระคืนเงินกู้ธนาคารในนามบริษัท/หรือในนามบุคคลที่เกี่ยวพันประมาณ 36,000 ล้านกีบ (ประมาณ 144 ล้านบาท) ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ประมาณ 28,000 ล้านกีบ(ประมาณ 112 ล้านบาท)
ขณะที่บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ดังนี้ ปี 2556 มีรายได้รวม 118,01 ล้านกีบ (ประมาณ 476 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 38,559 ล้านกีบ (ประมาณ 154.23 ล้านบาท) ปี 2557 มีรายได้รวม 93,266 ล้านกีบ (ประมาณ 373.06 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 72,685 ล้านกีบ (ประมาณ 290.74 ล้านบาท) ปี 2558 มีรายได้รวม 144,629 ล้านกีบ (ประมาณ 578.52 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 68,079 ล้านกีบ (ประมาณ 272.32 ล้านบาท) และงวด 6 เดือน(ม.ค.-มิ.ย.) ปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้รวม 97,964 ล้านกีบ (ประมาณ 391.86 ล้านบาท) กำไรสุทธิ 77,264 ล้านกีบ(ประมาณ 309.06 ล้านบาท)
“การที่บริษัทฯ สามารถระดมทุนโดยการออกหุ้นสามัญเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพและส่งเสริมให้บริษัทฯ มีโอกาสที่ธุรกิจจะการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากมีแผนการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน รวมถึงมีผู้บริหารและทีมงานที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 20 ปี เชื่อว่าจะทำให้ธุรกิจเติบโตได้ตามเป้าหมายและสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจได้เช่นกัน" นายสีทอง กล่าว
อนึ่ง วันนี้ บริษัทฯได้จัดงานนำเสนอข้อมูลหลักทรัพย์แก่นักลงทุนอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนเข้าใจในธุรกิจของบริษัทฯ เพิ่มมากขึ้นและเห็นถึงศักยภาพของบริษัทฯว่ายังสามารถเติบโตได้อีกมาก พร้อมทั้งเมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว จะยิ่งทำให้บริษัทฯ มีฐานทุนที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น รวมไปถึงความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดี