นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) (AP) เปิดเผยว่า บริษัทยังมั่นใจยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมในปีนี้ทำได้ตามเป้าที่ 1.24 หมื่นล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกสามารถทำยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมได้แล้ว 8.2 พันล้านบาท โดยได้เปิด 1 โครงการใหม่ในครึ่งปีแรก คือ โครงการ LIFE ลาดพร้าว มูลค่า 7.6 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันสามารถทำยอดขายไปแล้วกว่า 80%
ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทคาดว่าการเปิดโครงการใหม่อีก 2 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MEC) มูลค่าโครงการรวม 1.54 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าจะสามารถผลักดันยอดขายใหม่ให้เป็นไปตามเป้าหรือมีโอกาสเกินเป้าหมายที่วางไว้ได้
โดยในช่วงวันที่ 29 ก.ค.60 บริษัทเตรียมจะเปิดขายโครงการ LIFE One Wireless บนทำเลถนนวิทยุ มูลค่า 6.4 พันล้านบาท จำนวน 1,344 ยูนิต คาดหวังยอดขายวันแรก 75% หรือคิดเป็น 4.8 พันล้านบาท เนื่องจากเชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าวจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เพราะอยู่ในทำเลในเมืองที่มีมูลค่าสูงและยากที่จะครอบครอง ประกอบกับ ราคาขายที่น่าสนใจเฉลี่ย 170,000 บาท/ตารางเมตร เป็นระดับราคาที่หายากในย่านถนนวิทยุที่มีราคาขายต่อตารางเมตรไม่เกิน 200,000 บาท
อีกทั้งในช่วงเดือน ก.ย.นี้ บริษัทเตรียมเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เป็นโครงการสุดท้ายตามแผนของปีนี้ คือ โครงการ LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่าโครงการ 9 พันล้านบาท จำนวน 2,248 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 110,000 บาท/ตารางเมตร เป็นคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ความสำเร็จในการใช้ชีวิตของคนเมืองยุคดิจิตอล ซึ่งจะช่วยบริษัทสามารถคว้ายอดขายคอนโดมิเนียมล็อตใหญ่ ผนวกกับการนำโครงการไปนำเสนอให้กับลูกค้าต่างชาติทั้งในฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่น ทำให้ยอดขายของบริษัทในปีนี้มีโอกาสทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.24 หมื่นล้านบาท
ส่วนการกระตุ้นตลาดในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทได้มีการจัดโปรโมชั่นและแคมเปญต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจัดโปรโมชั่นของแต่ละโครงการผ่านสำนักงานขาย โดยบริษัทมองว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทุกรายต่างอัดโปรโมชั่นและเร่งทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างมาก เพราะปีนี้มีระยะเวลาในการขายเหลือเพียง 5 เดือน เพราะในเดือนต.ค.จะเป็นเดือนที่กิจกรรมต่าง ๆ จะต้องงดเว้นจากปัจจัยในประเทศ ทำให้ทุกคนจะต้องเร่งการทำการตลาดขึ้นมาเร็วกว่าปกติที่จะอยู่ไนช่วงไตรมาส 4
อีกทั้งในแง่ของการโอนในปัจจุบันจะเห็นว่าผู้ประกอบการต่างมีโปรโมชั่นการกู้สินเชื่อร่วมกับสถาบันการเงินที่เป็นพันธมิตรมากขึ้น เพราะเป็นหนึ่งในการที่ช่วยให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อทรงตัวหรือลดลง ซึ่งปัจจุบันอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัททรงตัวอยู่ที่ระดับ 12%
ด้านยอดขายรอโอน (Backlog) ของโครงการคอนโดมิเนียมในปัจจุบันอยู่ที่ 3.02 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น Backlog ของโครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัทพัฒนาเอง 6.5 พันล้านบาท และ Backlog ของโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น 2.37 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ใช่วงที่เหลือของปีนี้ 5.9 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 64
ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปี 61 จะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่ คือ โครงการ Rhythm รางน้ำ มูลค่า 2.4 พันล้านบาท และในช่วงปี 61 จะมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่เตรียมโอนอีก 2 โครงการ คือ โครงการ LIFE ASOKE มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท และโครงการ LIFE ปิ่นเกล้า มูลค่า 3.1 พันล้านบาท ซึ่งในปี 61 จะมีการโอนคอนโดมิเนียมใน Backlog ราว 9.7 พันล้านบาท
ส่วนงบซื้อที่ดินในปีนี้บริษัทใช้ซื้อที่ดินไปแล้ว 5 พันล้านบาท จากงบซื้อที่ดินที่ตั้งไว้ 8 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะใช้ครบทั้งหมด โดยบริษัทยังมองหาซื้อที่ดินในกรุงเทพฯเป็นหลักและยังไม่มีแผนการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัด