นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) เปิดเผยว่า กลุ่มทิสโก้แจ้งผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 60 มีกำไรสุทธิจำนวน 2,996.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 533 ล้านบาท หรือ 21.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 59 ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 2/60 มีกำไรสุทธิ 1,505.14 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา การขยายตัวมีสาเหตุมาจากกลุ่มทิสโก้สามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 70 ล้านบาท หรือ 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 121 ล้านบาท หรือ 8.8% นอกจากนี้ กลุ่มทิสโก้ยังสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ค่าใช้จ่ายหนี้สูญลดลง 383 ล้านบาท หรือ 41.4%
กลุ่มทิสโก้ยังคงเดินหน้าในทุกธุรกิจโดยเน้นประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายใต้การบริหารความเสี่ยงและการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยในครึ่งปีหลัง 60 ธนาคารยังคงดำเนินการเตรียมความพร้อม ทั้งด้านระบบและบุคลากรเพื่อรองรับกลุ่มธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่จะรับโอนมาจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) หรือ SCBT
“ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เราจะรับโอนพอร์ตลูกค้ารายย่อยจาก SCBT เข้ามากกว่า 3 แสนราย เรามีทีมงานจากทั้งสองธนาคารซึ่งได้ลงรายละเอียดทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว การดำเนินการทุกอย่างมีความคืบหน้าตามแผนงานด้วยดี เราต้องการให้เกิดความต่อเนื่องในการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าให้มากที่สุด ทางทิสโก้เองก็กำลังเร่งประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ของธนาคารและอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้ลูกค้าทราบ โดยเตรียมทีมเจ้าหน้าที่ทิสโก้ไปช่วยรับลูกค้าที่สาขาของ SCBT ก่อนวันโอน และมีการอัพเดทข้อมูลบริการลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ทั้ง ศูนย์บริการลูกค้า TISCO Contact Center และ เว็บไซต์ รวมทั้งจะมีการเปิดให้บริการ TISCO Mobile Banking เพื่อความสะดวกในการธุรกรรมผ่านสมาร์ตโฟนด้วยเร็วๆ นี้ " นายสุทัศน์ กล่าว
TISCO ระบุว่า ผลดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 60 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า มีกำไรสุทธิจำนวน 2,996.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7% จากการปรับตัวดีขึ้นของรายได้จากทุกภาคธุรกิจ โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 2.6% จากความสามารถในการรักษาอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรวม และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักเติบโต 11.1% ทั้งจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่เติบโต 5.5% รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 3.4% และรายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานของธุรกิจจัดการกองทุนขยายตัว 18.5% นอกจากนี้ การตั้งสำรองหนี้สูญลดลง 32.1% ตามคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ
ส่วนไตรมาส 2/60 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 24.6% มาอยู่ที่ 1,505.14 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 2.6% จากการบริหารต้นทุนเงินทุนที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักเติบโต 8.8% อีกทั้ง การตั้งสำรองหนี้สูญลดลงถึง 41.4% จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ กลุ่มทิสโก้ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังคงอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมอยู่ในระดับต่ำ ที่ 42.8%
สำหรับเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 30 มิ.ย.60 มีจำนวน 216,149 ล้านบาท ลดลง 2.0% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามนโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ดี สินเชื่ออเนกประสงค์ยังคงปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการขยายตัวของสินเชื่อ “สมหวัง เงินสั่งได้" ตามแผนการขยายธุรกิจของกลุ่มทิสโก้
ในขณะเดียวกัน หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการปรับตัวดีขึ้นของคุณภาพสินเชื่อ โดยปริมาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลง 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.41%
ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดทั้งปี โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ (BIS Ratio) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20.5 สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 9.75% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 15.6% และ 4.9% ตามลำดับ