นายประธานวงศ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการอุตสาหกรรม จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เจรจากับพันธมิตร บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) จัดตั้ง บริษัท สยามเจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติตส์ จำกัด (SIAM JWD) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์อย่างครบวงจรให้กับธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในเครือสยามกลการ และยังเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับนโยบายของภาครัฐที่กำหนดให้อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมขับเคลื่อนเสรษฐกิจแห่งอนาคต (New S-Curve)
ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการนำจุดเด่นในการดำเนินงานของทั้ง 2 ฝ่ายมาสร้างบริการโลจิสติกส์รูปแบบใหม่เหมาะสำหรับลูกค้าแต่ละราย เน้นการวิเคระห์ ทำความเข้าใจระบบโลจิสติกส์ของลูกค้า ใช้ความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆแบบองค์รวม สามารถตอบโจทย์การจัดการส่งสินค้าและชิ้นส่วนยานยนต์ของบริษัทในเครือสยามกลการ ตลอดจนธุรกิจอื่น
ทั้งนี้ SIAM JWD จะเริ่มงานบริการภายในเครือสยามกลการ กับ สยาม จีเอสยัวซ่าส์ เพื่อขนส่งแบตเตอรี่ให้แก่ดีลเลอร์ทั่วประเทศ รวมถึงงานบริหารจัดการขนส่งรถบรรทุกแร่แบรนด์ Komastu จากท่าเรือและจัดส่งไปยังเหมืองแร่แม่เมาะ ในจังหวัดลำปาง โดยตั้งเป้ารายได้ปีแรกกว่า 50 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขยายตลาดไปสู่การให้บริการลูกค้าที่อยู่นอกเครือสยามกลการเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และขยายตลาดไปสู่ระดับอาเซียนในอนาคต
SIAM JWD มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท โดยสยามกลการอุตสาหกรรม (ในนามนายประธานวงศ์ พรประภา) ถือหุ้น 52.2% และ JWD ถือหุ้น 42.5% (ในนามบริษัท ออโต้ ลอจิค จำกัดในเครือ JWD) และอีก 5% ถือหุ้นในนามบุคคล
"การร่วมทุนครั้งนี้ตั้งเป้าว่า สยาม เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จะมีรายได้ในปีแรกกว่า 50 ล้านบาท และในปีถัดไปจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก จากการให้บริการแก่ลูกค้าบางส่วนในเครือสยามกลการ โดยมีแผนขยายการรับบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ ไปยังโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่งอื่นๆ ของเครือสยามกลการ ภายใน 2-3 ปีนี้ รวมถึงมีแผนขยายการรับงานไปยังลูกค้าใหม่ๆ ที่อยู่นอกเครือสบยามกลการ เพื่อผลักดันการดำเนินธุรกิจของบริษัทร่วมทุนเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง" นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าว
นายชวนินทร์ กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 7% จากปีก่อนอยู่ที่ 2.25 พันล้านบาท โดยมองแนวโน้มครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในไตรมาส 4/60 ที่เป็นช่วงของไฮซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับบริษัทมีแผนเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าในประเทศ จากปัจจุบัน 8 แสนตารางเมตร ขณะที่คาดอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ปีนี้จะกลับมาเป็นบวก จากปีก่อนอยู่ที่ -0.39% และจะสูงกว่าปี 58 ที่ทำได้ 13.98% หลังจากรับรู้กำไรบริษัท สยามเจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด เข้ามาตามสัดส่วนการถือหุ้น
"แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2-4 ปีนี้ น่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้ไตรมาสแรกอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ชะลอตัวไปบ้าง แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/60 โดยในช่วงไตรมาส 4/60 ถือว่าเป็นช่วงของไฮซีซั่นของธุรกิจ จากความต้องการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้น"นายชวนินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นอกจากการร่วมทุนดังกล่าวแล้ว บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) จำนวน 2-3 ราย ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ในขณะนี้ โดยบริษัทถือว่ามีความพร้อมด้านกระแสเงินลงทุน จากเงินสด และยังมีวงเงินในการออกหุ้นกู้ได้อีกจำนวน 2 พันล้านบาท และยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้อีกจำนวนมาก จากปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) กว่า 1 เท่า
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างมองหาพันธมิตรในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามเพื่อขยายธุรกิจให้ครอบคลุมอาเซียน จากปัจจุบันที่มีการขยายธุรกิจไปยังประเทศเมียนมา กัมพูชา และลาวแล้ว ซึ่งมีการเติบโตที่ดี โดยปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่คลังสินค้าในต่างประเทศรวมกัน 1.1 หมื่นตารางเมตร
นายชวนินทร์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอแผนการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวันนี้ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดดังกล่าว