หุ้น KTB ลบ 1.05% สวนทางภาพรวมตลาดที่พุ่งแรงในวันนี้ โดยราคาหุ้นมาอยู่ที่ 18.80 บาท ลดลง 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 69.10 ล้านบาท เมื่อเวลา 9.59 น. หลังจากเปิดตลาดที่ 18.90 บาท
บทวิเคราะห์ของ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่า ธนาคารกรุงไทย (KTB) รับจัดชั้นหนี้ บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ(EARTH) 1.2 หมื่นล้านบาทเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และตั้งสำรองเต็มจำนวน คาดว่าการตั้งสำรองดังกล่าวอาจส่งผลให้กำไรไตรมาส 2/60 ของ KTB ลดลงได้มากถึง 63% YoY อยู่ที่ 3 พันล้านบาท ถ้าพิจารณาปัจจัยนี้เพียงปัจจัยเดียว เราคาดสัดส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อเฉลี่ย (credit cost) ของปี 60 จะเพิ่มขึ้น 55bps อยู่ที่ 205bps ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิปี 60 ลดลง 23.8% อยู่ที่ 2.67 หมื่นล้านบาท (-17.2% YoY)
อย่างไรก็ตาม เรากำลังปรับประมาณการอยู่และจะรอฟังจากประชุมนักวิเคราะห์ของ KTB ที่จะจัดในสัปดาห์หน้าหรือสัปดาห์ถัดไป เราแนะนำนักลงทุนเปลี่ยนไปลงทุนหุ้นธนาคารตัวอื่นที่มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่าแทน
ด้านบทวิเคราะห์ของ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า หาก KTB มีการจัดชั้นหนี้ของ EARTH เป็น NPL ใน Q2/60 จะทำให้ NPL ของธนาคารเพิ่มขึ้น 12% และทำให้สัดส่วนสำรองหนี้เสีย/NPL ลดลงเป็น 100% จาก 112% ใน Q1/60 เพื่อรักษาระดับให้อยู่ในระดับเดิม KTB จะต้องตั้งสำรองฯเพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ประเมินกำไร Q2/60 ที่ 7.8 พันล้านบาท ลดลง 10% ซึ่งในจำนวนนี้ใช้สมมติฐานการตั้งสำรองหนี้เสีย 9 พันล้านบาท แต่ในระยะถัดไป KTB อาจจะมีรายได้พิเศษจากการชำระคืนหนี้ของ AQ ซึ่งศาลได้ซึ่งให้บริษัทชำระหนี้กับสถาบันการเงิน 1 หมื่นล้านบาท และปัจจุบัน AQ ก็อยู่ในกระบวนการเพิ่มทุนเพื่อขายให้บุคคลในวงจำกัด การขายงวดแรกได้ทำให้ AQ ได้รับเงินแล้ว 1.7 พันล้านบาท คงคำแนะนำ Neutral ราคาเหมาะสม 19.3 บาท
ขณะที่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุว่า การที่ KTB จัดชั้นหนี้ของ EARTH เป็น NPL ทำให้ต้องตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเต็มจำนวนประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาทในงบการเงินงวด Q2/60 นี้ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการจะออกมาต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ ซึ่ง CGS ประเมินกำไรสุทธิช่วง Q2/60 ของ KTB อยู่ที่ 7,866 ล้านบาท ลดลง 7.8%QoQ และ 9.4%YoY ซึ่งหากตั้งสำรอง 1.2 หมื่นล้านบาทจะเห็นงบ Q2/60 เป็นขาดทุนสุทธิ 3.69 พันล้านบาท