นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า การที่บริษัทงดจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการงวดปี 60 และเพิ่มทุนใหม่โดยการออก SPALI-W4 ด้วยอัตราการใช้สิทธิ 4:1 ที่ราคาใช้สิทธิ 4.00 บาท อายุวอแรนท์ 1 ปี โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรับสิทธิรับ warrant ในวันที่ 20 ก.ย 60 โดยกำหนดจะออก SPALI-W4 ในวันที่ 20 ต.ค. 60 สามารถใช้สิทธิได้ครั้งแรกในวันนี้ 20 ม.ค. 61
การตัดสินใจของบริษัทในครั้งนี้บริษัทจะได้เงินรวมทั้งหมด 3.4 พันล้านบาท ซึ่งจะนำไปลงทุนพัฒนาโครงการในอนาคต และนำไปจ่ายคืนเงินกู้เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้ต่ำลง ซึ่งจะส่งผลต่อกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 100 ล้านบาท/ปี
"การตัดสินใจของบริษัททั้งการงดจ่ายเงินปันผลและการเพิ่มทุนในครั้งนี้ เป็นเพราะในช่วงที่ผลประกอบการของบริษัทยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี ทำให้บริษัทยังมีโอกาสที่จะพัฒนาโครงการเพิ่มได้ การเพิ่มทุนเป็นการช่วยในเรื่องเงินทุนของการขยายกิจการ ซึ่งเป็นผลดีต่อการเติบโตของบริษัท และนำเงินไปจ่ายคืนหนี้เพื่อลดดอกเบี้ย ซึ่งเพิ่มกำไรให้บริษัทปีละ 100 ล้านบาท ทำให้เป็นผลดีต่อทั้งบริษัทและผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น"นายประทีป กล่าว
ทั้งนี้ การที่บริษัทเพิ่มทุนจะช่วยให้บริษัทมีมูลค่าตลาด (Market Cap) ที่เพิ่มขึ้น และช่วยให้หุ้น SPALI มีสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้บริษัทยังหวังการขึ้นไปติดอยู่ใน SET50 จากปัจจุบันอยู่ใน SET100 หลังจากที่ Market Cap เพิ่มขึ้น และความแข็งแรงของสถานะการเงินของบริษัทจะช่วยให้อันดับเครดิตเรตติ้งของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น A+ ในอนาคต จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ A
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมวงเงิน 2-3 พันล้านบาท อายุ 3-5 ปี ส่วนงบซื้อที่ดินในปีนี้ที่ตั้งไว้ 8 พันล้านบาท ปัจจุบันใช้ไปต่ำกว่า 4 พันล้านบาท แต่คาดว่าจะใช้ครบทั้งหมดในปีนี้
สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก บริษัทมียอดขายสูงถึง 1.33 หมื่นล้านบาท เติบโต 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 8.15 พันล้านบาท และจากคอมโดมิเนียม 5.19 พันล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ และโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม รวมถึงโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่กระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส
ขณะที่มูลค่ายอดขายรอโอน (backlog) ของบริษัท ณ สิ้นไตรมาส 2/60 อยู่ที่เกือบ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้อีก 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทได้ทยอยโอนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่ 4-5 โครงการแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นมา และมั่นใจว่าการโอนในช่วงปีหลังจะสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ และจะทำให้บริษัทสามารถทำรายได้ได่ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.45 หมื่นล้านบาท
นายไตรเตชะ กล่าวว่า โอนโครงการในช่วงครึ่งปีหลังไม่น่าจะเผชิญกับปัญหาการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เนื่องจากบริษัทได้มีการให้คำปรึกษาและแนะนำลูกค้าก่อนการยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ซึ่งช่วงครึ่งปีแรกอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัทลดเหลือ 8% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 10% อีกทั้งมีลูกค้าเพิ่มขึ้นในกลุ่มพนักงานบริษัทที่มีรายได้เป็นเงินเดือนเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 2-5 ล้านบาท/ยูนิต และเป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง เป็นกลุ่มที่สถาบันการเงินยังมีการอนุมัติสินเชื่อให้อยู่และมีการปฏิเสธสินเชื่อที่น้อยมาก
ด้านภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้มองว่ายังสามารถเติบโตได้แต่เป็นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะมีแผนการเปิดโครงการใหม่มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ในแง่ของผู้ซื้อนั้นอาจจะยังมีการชะลอตัวอยู่บ้าง เนื่องจากความเชื่อมั่นยังไม่ฟื้นและกำลังซื้อยังชะลอตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว ปรับกลยุทธ์ และปรับสินค้าที่เตรียมจะเปิดขายเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยในปีนี้บริษัทยังคาดว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตได้ 5-10%
นายไตรเตชะ กล่าวว่า SPALI มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 22 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่าโครงการรวม 2.15 หมื่นล้านบาท เป็นแนวราบ 18 โครงการ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ในกรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ขณะเดียวกันยังจะเปิดตัวคอนโดมิเนียม 4 โครงการ เริ่มจาก"ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ"มที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการพักอาศัยที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และใกล้ระบบคมนาคมที่สะดวกรวดเร็วอย่างรถไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งบริษัทคาดหวังยอดขายช่วงเปิดพรีเซลวันที่ 5-6 ส.ค.60 ที่ 1 พันล้านบาท
"โครงการศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ มีพื้นที่ 10 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เชื่อมต่อกับสายสีเขียวที่สถานีบางหว้า และถนนสายสำคัญของฝั่งธนบุรีด้วย ซึ่งจะเริ่มเปิดจองเป็นทางการวันที่ 5-6 ส.ค.นี้ ที่สำนักงานขายโครงการ ราคาเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 4,900 บาทเท่านั้น"นายไตรเตชะ กล่าว"
สำหรับในช่วงไตรมาส 3/60 บริษัทจะทำการตลาดร่วมกับ บมจ.การบินไทย (THAI) จัดโปรโมชั่น "ได้บ้าน ได้บิน ฟินไกล ทั่วเจแปน" เพื่อส่งเสริมการขาย โดยจะมอบสิทธิให้กับลูกค้าที่จองบ้านหรือคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ทั่วไทยกว่า 80 โครงการของบริษัท รับสิทธิได้บินคู่ บินฟรี ไม่ต้องลุ้น สูงสุด 4 ที่นั่ง กับสายการบินไทยไปทั่วญี่ปุ่น เพิ่มความเป็นอิสระทุกการเดินทาง เนื่องจากสามารถเลือกเมืองได้ เลือกเวลาการเดินทางได้ และได้ส่วนลดวันโอนมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท เพื่อนำไปช้อปปิ้งที่ญี่ปุ่นด้วย นอกจากนี้ยังฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์ และค่าส่วนกลางปีแรก สำหรับลูกค้าที่จองตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.นี้เท่านั้น