(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น รับผลบวกงบฯ Q2/60 ของบจ.ดีกว่าคาด-ต่างชาติกลับมาซื้อหนุนตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 14, 2017 09:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะยังขยับขึ้นต่อได้ หลังจากที่การประกาศผลประกอบการในไตรมาส 2/60 ของ 3 บริษัทที่ออกมาทั้ง TISCO ,LHBANK และ DTAC ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยเฉพาะ DTAC ที่มีกำไรมากกว่าที่ตลาดคาดถึง 2 เท่า น่าจะช่วยลดความผิดหวังเรื่องการไม่จ่ายปันผลรอบครึ่งปีของ DTAC ได้บ้าง อย่างไรก็ตามเบื้องต้นมองว่าภาพรวมของผลประกอบการบจ.ในไตรมาส 2/60 จะไม่ดีมากนัก โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานที่อาจได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง เพียงแต่บจ.ที่ประกาศผลประกอบการออกมาในช่วงนี้ทำได้ดีกว่าที่คาดทำให้อาจเป็นปัจจัยหนุนการลงทุนในช่วงสั้น

ขณะเดียวกันยังต้องติดตามความต่อเนื่องของแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ หลังเมื่อวานนี้กลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก และยังเปิดสถานะ long ในตลาดอนุพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ 2 วันติดต่อกัน ซึ่งหากกระแสเงินทุนยังมีความต่อเนื่องก็จะผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นต่อไปได้

ด้านปัจจัยต่างประเทศยังมีทิศทางที่เป็นบวก หลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่การลดงบดุลอาจจะยังไม่เห็นในระยะสั้นนี้ ซึ่งต้องจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ ในเดือนมิ.ย.ที่จะออกมาในคืนนี้ด้วย ซึ่งหากเงินเฟ้อสูงขึ้นก็อาจจะมีผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยและอาจจะกลับมาเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดได้

"ตลาดยังขยับขึ้นได้ แต่ Upside จำกัด นักลงทุนยังไม่แน่ใจเรื่อง Flow เข้ามาต่อเนื่องหรือไม่ ขณะที่ Valuation ตึงตัว ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นกับงบฯที่จะออกมา ช่วงที่ผ่านมางบฯออกมาดีทำให้เป็น Sentiment บวกระยะสั้น แต่ภาพรวมการประกาศงบฯจนถึงวันสุดท้ายที่จะออกมา งบฯไม่ค่อยดีนัก เพียงแต่ตัวที่ออกมาก่อนในช่วงนี้เป็นงบฯที่ออกมาดีเท่านั้น"นายอภิชาติ กล่าว

พร้อมให้แนวต้านวันนี้ที่บริเวณ 1,584-1,585 จุด และ 1,590 จุด ส่วนแนวรับ อยู่ที่ 1,575 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,553.09 จุด เพิ่มขึ้น 20.95 จุด (+0.10%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,274.44 จุด เพิ่มขึ้น 13.27 จุด (+0.21%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,447.83 จุด เพิ่มขึ้น 4.58 จุด (+0.19%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 58.11 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.13 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 70.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.23 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.51 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.04 จุด และ ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 16.02 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ก.ค.60) 1,579.41 จุด เพิ่มขึ้น 4.48 จุด (+0.28%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,420.33 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ก.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ก.ค.60) ปิดที่ 46.08 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 1.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ก.ค.60) ที่ 6.91 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.92 ตลาดจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ-ค้าปลีกสหรัฐฯคืนนี้
  • รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการสามัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อยู่ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างวาระ 2 ซึ่งมีการเสนอให้ขยายฐานการจัดเก็บภาษี โดยในระยะแรกยังไม่ให้เน้นการเก็บภาษีที่อยู่อาศัยตามเพดานของราคาที่ดิน รวมสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท แต่ให้ใช้วิธีการลดเพดานราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง เช่น ให้เหลือ 20-30 ล้านบาท และให้ลดอัตราภาษีลง เพื่อดึงให้ฐานภาษีกว้างมากขึ้นก่อนในระยะแรก
  • นายกสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาอยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากมีผู้ประกอบการปิดกิจการไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1,300 ราย เพิ่มขึ้นกว่าปี 2559 ที่ทั้งปีปิดกิจการไปเกือบ 1,000 รายเท่านั้น และทั้งปีคาดร้านอาหารจะปิดตัวถึงกว่า 2,300 ร้านค้า
  • ตลาดหลักทรัพย์เล็งหามาตรการกระตุ้นการซื้อขายสินค้าเกษตรเพิ่ม หลังควบรวม 1 ปี ปริมาณซื้อขายพุ่งจาก 10 สัญญาต่อวันเป็น 100 สัญญาต่อวัน แต่ยังอยู่ระดับต่ำเมื่อเทียบกับการซื้อขายทั้งตลาด
  • แหล่งข่าวกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้จริงในวันที่ 16 ก.ย. 2560 นี้ มีการปรับเพดานภาษีสุรา เบียร์ และไวน์ เพิ่มสูงขึ้นมาก เพราะรองรับใน 20 ปีข้างหน้า ทั้งนี้การเพิ่มเพดานภาษีสุรา เบียร์ ไวน์ จะเพิ่มภาระภาษีตามปริมาณแรงแอลกอฮอล์ให้สูงขึ้นกว่าภาระภาษีตามมูลค่า และเปลี่ยนฐานภาษีตามมูลค่าจากราคาขายส่งช่วงสุดท้ายเป็นราคาขายปลีกเพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมในการเก็บภาษี
  • ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย ระบุว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณการเข้ามาดูแลค่าเงินบาทให้ไม่แข็งค่าเร็วเกินไป เพื่อสนับสนุนให้ภาคการส่งออกยังขยายตัวได้ดีตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยแนวโน้มค่าเงินบาทในไตรมาส 3 ปีนี้ คาดว่าอยู่ที่ 34.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และสิ้นปีนี้คาดว่าเงินบาทอยู่ที่ 34.50 บาท
  • ผู้จัดการ ตลท.ยันธนาคารพาณิชย์ฐานะการเงินแข็งแกร่ง แม้เอ็นพีแอลพุ่ง ชี้ไม่น่ากังวล มองหุ้นไทยช่วงนี้ไม่หวือหวา ไร้ปัจจัยกระตุ้น กสิกรฯปรับจีดีพีปีนี้เป็น 3.4% หลังส่งออกฟื้น ด้าน บล.กสิกรคาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้ปิด 1,570 จุด
*หุ้นเด่นวันนี้
  • IVL (เอเอสแอล) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 44 บาท/หุ้น โดยมองว่า IVL กลับมามีความน่าสนใจในการลงทุน จากภาพรวมธุรกิจที่เริ่มกลับสู่สมดุล ทำให้เชื่อว่าธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และกำลังผลิตของบริษัทที่ปรับเพิ่มต่อเนื่องจากจากแผนการข้าซื้อกิจการ เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของผลประกอบการ ระยะสั้นยังมีปัจจัยบวกจากกำไรปกติ 2Q60 ที่แข็งแกร่ง เป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุน ประเมินกำไรปกติอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% QoQ โดยกำไรจากการดำเนินงานปกติได้รับปัจจัยบวกจากยอดขายและ Core EBITDA Margin ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิ 2Q60 จะอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท ลดลง 20%QoQ หลังได้รับผลกระทบจาก Stock loss จำนวน 1.3 พันล้านบาท
  • GFPT (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 21 บาท/หุ้น โดยคาดว่า GFPT จะมีกำไร 2Q60 เพิ่มขึ้น 28.6% YoY และ 15.5% QoQ จากราคาไก่ที่สูง รวมถึงการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับผู้ส่งออกรายใหญ่ เช่น บราซิลประสบปัญหาคุณภาพสินค้า เป็นโอกาสดีต่อผู้ประกอบการของไทย โดยครึ่งปีหลังจะมีผลบวกจากฤดูกาลที่ครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกเนื่องจากผ่านพ้นช่วงอากาศหนาวในต่างประเทศ รวมถึงคำสั่งซื้อล่วงหน้าช่วงก่อนคริสตมาส คาดว่า GFPT จะมีกำไรทั้งปีเพิ่มขึ้น 14.6% ในปี 2560 และ 7% ในปี 2561
  • DTAC (ธนชาต) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 65 บาท/หุ้น หลังผลกำไร 2Q60 ของ DTAC ออกมาที่ 743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 426% y-y และ 224% q-q แต่หากไม่รวมผลจากค่าใช้จ่ายพิเศษใน 2Q59 แล้ว ผลกำไรจากการดำเนินงานหลักจะเติบโต 25% y-y และ 248% q-q ผลกำไรที่รายงานออกมานี้ดีกว่าที่คาดไว้มากทั้งด้านรายได้แต่ส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากการกลับมามุ่งเน้นในกลุ่มลูกค้ารายเดือน โดยเชื่อว่าแนวโน้มผลกำไรที่ดีนี้จะดำเนินต่อไป และมองว่าจะมี Upside ในประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย โดย DTAC ยังคงเป็น top pick ในกลุ่มสื่อสารฯ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ