TU ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้เหลือโตต่ำกว่า 10% จากเดิมคาดโต 15% หลังศก.โลกไม่แน่นอน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 14, 2017 16:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้าหมายรายได้ไนปีนี้ลดลงเหลือเติบโตต่ำกว่า 10% หรือมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว จากเดิมที่บริษัทตั้งเป้าเติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.35 แสนล้านบาท

ปัจจัยที่กดดันรายได้ของบริษัทมาจากภาวะความไม่แน่นอนที่มีมากขึ้นของปัจจัยต่างๆ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ยุโรป และตะวันออกกลาง ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ประกอบกับ ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของภาวะตลาด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้ภาพตลาดส่งออกเปลี่ยนแปลงไป จึงส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการส่งออกและธุรกิจของบริษัท

"บริษัทได้ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้ลดลงเหลือโต Single Digit เพราะสภาพตลาดได้เปลี่ยนแปลง ภาพรวมตลาดมีความไม่แน่นอนสูงทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป และตะวันออกกลาง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และความขัดแย้ง ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อการส่งออกและธุรกิจ"นายธีรพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ จากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ยุโรป และตะวันออกกลาง ทำให้บริษัทได้ปรับตัวด้วยการหันมาเน้นขยายตลาดในเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีขนาดใหญ่ หลังจากที่ผ่านมาบริษัทยังไม่ได้มุ่งเน้นการขยายตลาดจีนมากนัก ดังนั้น ปัจจุบันบริษัทวางแผนที่จะเข้าไปรุกตลาดจีนอย่างจริงจัง เพราะมองว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ยังมีโอกาสการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังต้องใช้ความระมัดระวังในการขยายตลาด เพราะตลาดจีนมีความท้าทาย เพราะการแข่งขันกันค่อนข้างสูง

นอกจากนี้ บริษัทยัวมองว่าตลาดในภูมิภาคอาเซียนยังเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีความน่าสนใจและเป็นโอกาสของธุรกิจ โดยเฉพาะใน CLMV ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับที่ดี และการบริโภคของประชาชนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสินค้าจากประเทศไทยได้รับความนิยมค่อนข้างสูง จึงเป็นกลุ่มที่บริษัทยังมีโอกาสในการขยายตลาดได้มาก เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของตลาด

ด้านแนวโน้มราคาต้นทุนวัตถุดิบในปัจจุบันและไนช่วงที่เหลือของปีนี้ มองว่ายังมองว่าราคาต้นทุนวัตถุดิบยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งราคาทูน่าและราคากุ้ง ซึ่งจะส่งผลกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัท หลังจากที่ช่วงไตรมาส 1/60 ราคาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นกดดันอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 13.78% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 13.83%

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรให้อยู่ไนระดับที่มีความเหมาะสม โดยเน้นการบริการจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพตลอดเวลา ทั้งต้นทุนการผลิตและต้นทุนวัตถุดิบ พร้อมกับการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อลดต้นทุน นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาหาแนวทางอื่นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะชิ้นส่วนของวัตถุดิบบางประเภท อย่างเช่น ชิ้นเนื้อปลา ก้างปลา และหนังปลา มองว่าสามารถนำมาทำผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มและให้มาร์จิ้นที่ดี คือ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางค์

นายธีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่เพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง แต่จะหันไปเน้นการปรับปรุงธุรกิจเดิมด้วยการนำนวัตกรรมต่างๆเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อสร้างมาร์จิ้นที่ดี

ส่วนการประกาศใช้กฎหมายแรงงานต่างด้าวนั้น ไม่มีผลกระทบต่อบริษัทมากนัก แม้ว่าบริษัทจะมีการใช้แรงงานต้างด้าวในสัดส่วน 30% ของแรงงานทั้งหมด เพราะแรงงานต่างด้าวที่ทำงานกับบริษัททั้งหมดได้ปฏิบัติตามระเบียบและกฏหมายตั้งแต่ก่อนเข้าทำงานแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ