นายสุชาติ ระมาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า ปตท.อยู่ระหว่างการทบทวนแผนธุรกิจขายปลีกน้ำมัน หลังจากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ส่วนแบ่งการตลาด (market share) ของน้ำมันดีเซล ที่จำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันหดตัวลงมาอยู่ที่ราว 36% จากกว่า 37% เมื่อปลายปีที่แล้ว หลังมีรถยนต์ขนาดใหญ่เข้ามาใช้บริการน้อยลง โดยเบื้องต้นอาจใช้วิธีการขยายสถานีบริการแห่งเดิม หรือเพิ่มสถานีบริการแห่งใหม่ พร้อมออกแบบให้รองรับรถขนาดใหญ่ได้มากขึ้น ในถนนเส้นหลัก
อย่างไรก็ตามส่วนแบ่งการตลาดของน้ำมันเบนซิน ที่จำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันนั้นกลับเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีรถยนต์ขนาดเล็กเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะร้านกาแฟ"คาเฟ่ อเมซอน"มากขึ้น เพราะผู้ใช้บริการที่เป็นรถยนต์ขนาดเล็กนั้นได้เข้ามาใช้บริการร้านกาแฟด้วย ขณะเดียวกันยังมองโอกาสการเติบโตของร้านกาแฟ ด้วยการรุกเข้าไปเปิดในพื้นที่คอนโดมิเนียมเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่เริ่มทดลองเปิดให้บริการ 4-5 แห่ง
"ครึ่งปีแรกพบว่าเราเติบโตในส่วนของเบนซิน รถเล็กชัดเจนเราโตประเมาณ 4% รถใหญ่เราสูญเสียบางส่วน ถ้าไม่ผิดน่าจะเปอร์เซนต์กว่า ๆ เราต้องปรับแผนทำปั๊มให้มีขนาดใหญ่รองรับรถใหญ่ อดีตรถใหญ่ไม่กล้าเข้ามาปั๊มเรา ด้วย size ของเราเหมาะกับรถกลางและรถเล็ก รถใหญ่เข้าลำบาก ตอนนี้อาจต้องปรับตัวเราเองเล็กน้อย ในการที่จะปรับตัวรับรถใหญ่มาใช้บริการมากขึ้น design ปั๊มให้ใหญ่ขึ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้รถใหญ่ เช่น ห้องอาบน้ำ บางตัวมีพื้นที่ปรับได้ก็ปรับ บางตัวต้องสร้างใหม่ ปลายปีคงจะเห็นแนวทางชัดเจน"นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ กล่าวว่า สำหรับยอดขายน้ำมันของตลาดรวมในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตราว 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายน้ำมันรวมของปตท.เติบโตได้ 3-4% แต่ในส่วนของยอดขายผ่านสถานีบริการน้ำมันยังทรงตัว แม้จะมียอดขายเบนซินเพิ่มขึ้น แต่ยอดขายดีเซลกลับลดลง อย่างไรก็ตามภาพรวมส่วนแบ่งตลาดของปตท.ลดลงมาเล็กน้อย แต่ยังคงเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ราว 37-38%
ปตท.ยังอยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมในการทำการตลาดน้ำมันเพิ่มเติมด้วย หลังจากที่ผ่านมาทั้งปตท.และดีลเล่อร์ได้ลงทุนตกแต่งรูปแบบสถานีบริการ และการให้บริการรองรับผู้บริโภคที่มีความหลากหลาย ทำให้การแจกของแถมสำหรับผู้ใช้บริการเติมน้ำมันลดลงไป ซึ่งคาดว่าคงจะได้เห็นการทำการตลาดที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ หลังจากที่ปัจจุบันได้ทำการตลาดด้วยการชิงโชคทองคำบางส่วนแล้ว
นอกจากนี้ปตท.ยังจะรุกการทำธุรกิจเสริมในส่วนของการค้าปลีกมากขึ้นด้วย เพื่อรองรับการเข้ามาของการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้น และอาจจะกระทบต่อการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงในระยะยาว ซึ่งดีลเล่อร์ต่าง ๆ ก็ได้สอบถามประเด็นดังกล่าวเข้ามา ทำให้ปตท.ต้องมุ่งหาสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาให้บริการภายในสถานีบริการน้ำมันมากขึ้น โดยเปิดรับทั้งแบรนด์ของคนไทยและต่างประเทศ หลังล่าสุดได้สิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์ร้านติ่มซำแบรนด์"ฮั่วเซ่งฮง" เข้ามาเพิ่มเติม จากเดิมที่มีการพัฒนาแบรนด์ของตนเอง และการซื้อไลเซนส์แบรนด์เข้ามา เช่น ร้านชานมไข่มุก, ร้านคาเฟ่ อเมซอน ,ร้านโดนัท แด๊ดดี้ โด, ร้านไก่ทอดเท็กซัส เป็นต้น
สำหรับยอดขายธุรกิจค้าปลีกซึ่งเป็นธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-oil) มีทิศทางปรับเพิ่มขึ้นต่อนเนื่อง โดยตัววัดหลักมาจากยอดขายของร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ที่น่าจะเติบโตได้เป็นตัวเลขสองหลักในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน เปิดให้บริการทั้งภายในและภายนอกสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งล่าสุดได้ขยายการเปิดสาขาเข้าไปในห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา พื้นที่เชิงพาณิชย์ของรถไฟฟ้าใต้ดิน และล่าสุดกำลังจะขยายเข้าไปในพื้นที่คอนโดมิเนียม ซึ่งได้ทดลองเปิด 4-5 แห่งในกรุงเทพฯ ปรากฎว่าบางแห่งมียอดจำหน่ายมากถึง 300 แก้ว/วัน ใกล้เคียงกับยอดขายในห้างสรรพสินค้า แต่ยอดขายรวมยังถือว่าอยู่ระดับปานกลาง
อย่างไรก็ตามยอดขายของร้านคาเฟ่ อเมซอน ที่ผ่านสถานีบริการน้ำมัน ยังเป็นยอดขายหลักคิดเป็นประมาณ 80% ส่วนยอดขายที่จะมาจากคอนโดมิเนียมนั้น คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แต่การที่ได้รุกเข้าไปตลาดดังกล่าวเพื่อต้องการให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์ได้มากขึ้น และหากตลาดคอนโดมิเนียมสามารถขยายตัวได้ดีก็พร้อมที่จะรุกเข้าไปในคอนโดมิเนียมตามหัวเมืองหลักของประเทศด้วย
นอกจากนี้ยังมีแผนจะขยายร้านคาเฟ่ อเมซอน ไปยังต่างประเทศ โดยในปีนี้คาดว่าจะเปิดที่โอมาน 2 สาขา และยังมองการเปิดร้านในสิงคโปร์ มาเลเซีย และเซี่ยงไฮ้ ในจีนด้วย
ณ สิ้นปี 59 ร้านคาเฟ่ อเมซอน มีสาขาในประเทศทั้งสิ้น 1,667 สาขา และต่างประเทศ 63 สาขา ได้แก่ ลาว ,กัมพูชา ,ฟิลิปปินส์ ,เมียนมา ,ญี่ปุ่น และตามแผน 5 ปี จนถึงปี 64 จะขยายร้านคาเฟ่อเมซอนในประเทศ เพิ่มเป็น 2,700 แห่ง และขยายสาขาในต่างประเทศเพิ่มเป็น 400 แห่ง