นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ โดยตลาดรอดูตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ซึ่งเช้านี้จะมีประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 2/60 ของจีน ตลาดคาดว่าจะเติบโต 6.8% จากงวดปีก่อน ซึ่งยังนับว่าเป็นการเติบโตในระดับที่ดี ขณะที่งวดไตรมาส 1/60 เติบโต 6.9%
อนึ่ง เมื่อเช้านี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 6.9% ในไตรมาส 2/60 ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับการขยายตัวในไตรมาสแรก
นายถนอมศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการในวันนี้ ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้, ตลาดหุ้นไต้หวัน และฮ่องกง ต่างอยู่ในแดนบวกกัน ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้ให้ติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก โดยสัปดาห์นี้จะมี 68 บริษัทจดทะเบียนใน S&P ประกาศงบฯ ส่วนบ้านเราก็เป็นการทยอยประกาศงบฯของกลุ่มการเงิน
สำหรับการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ ตลาดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,565 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585-1,590 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,637.74 จุด เพิ่มขึ้น 84.65 จุด (+0.39%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,312.47 จุด เพิ่มขึ้น 38.03 จุด (+0.61%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,459.27 จุด เพิ่มขึ้น 11.44 จุด (+0.47%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.63 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 183.69 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 23.36 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 9.03 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 4.12 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 29.53 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันแห่งทะเล
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ก.ค.60) 1,577.79 จุด ลดลง 1.62 จุด (-0.10%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 403.95 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ก.ค.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ก.ค.60) ปิดที่ 46.54 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ก.ค.60) ที่ 6.83 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.73 แข็งค่าในรอบ 2 ปีจากแรงขายดอลล์หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำกว่าคาด
- รัฐเตรียมเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐานระบบราง 11 โครงการ วงเงินกว่า 8.44 แสนล้าน นักวิเคราะห์หวังลงทุนรัฐครึ่งปีหลังฟื้น หลัง 5 เดือนแรกหดตัว 3.7% มองโครงการรถไฟความเร็วสูงยังไร้อานิสงส์ดันเศรษฐกิจไทยปีนี้เหตุงบส่วนใหญ่เริ่มทยอยออกปีหน้า ชี้โครงการดังกล่าวหากเชื่อมไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค ดึงต่างชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิตได้ถือว่าคุ้ม
- นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้นั่งเป็นประธานประชุมคณะกรรมการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์) วงเงิน 1 แสนล้านบาท เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีประธานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้เข้าร่วมหารือถึงปัญหาการทำร่างสัญญาโอนและรับสิทธิโอนในรายได้ (RTA) โครงการทางพิเศษฉลองรัฐ (รามอินทรา-อาจณรงค์) และทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) เพื่อโอนรายได้ในอนาคตที่ 45% ให้กับกองทุนไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ ฟันด์ เป็นเวลา 30 ปี ได้เป็นที่เรียบร้อย โดย กทพ. จะเสนอให้คณะกรรมการเห็นชอบในสัปดาห์นี้
- ผลการรวบรวมหนี้ผิดนัดชำระตั๋วแลกเงินหรือบี/อี ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ครึ่งปีแรกพบว่า มีคดีผิดนัดชำระหนี้ที่กำลังฟ้องร้องและดำเนินการทางกฎหมายกับ 4 บริษัท มูลหนี้ 868 ล้านบาท ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) โซลาริสฟ้องร้อง บริษัท เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ (KC) ให้ใช้หนี้บี/อี 365 ล้านบาท และวุฒิ-ศักดิ์ คลินิก หรือบริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง บริษัทย่อยของบริษัท อี ฟอร์ แอล เอม (EFORL) 153 ล้านบาท
- กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ได้ทำการศึกษาโครงสร้างต้นทุนของราคาสินค้า หากมีการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2560 เพิ่มขึ้น 8.87 สตางค์ (สต.) ต่อหน่วย พบว่ามีผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าน้อยมากแค่ 0.0001-0.1886% หรือแทบจะไม่มีผลกระทบเลย จึงไม่มีเหตุผลที่ผู้ประกอบการจะใช้เป็นข้ออ้างในการปรับขึ้นราคาจำหน่ายสินค้า
- FVC-W2 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 138,790,207 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วันที่ 27 มิถุนายน 2560) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 29 มิ.ย. 2561 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 26 มิ.ย. 2563
- FSMART (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 22 บาท คาดกำไร 2Q60 สร้างจุดสูงสุดใหม่ +7% Q-Q, 48% Y-Y เป็น 140 ลบ. ที่น่าสนใจกว่าคือ ลูกค้า AIS บางส่วนหันมาใช้ตู้บุญเติมหลัง 7-11 เลิกขายบัตร/สลิปเติมเงินของ AIS ตั้งแต่ 4Q59 และตู้บุญเติมกว่า 1 แสนตู้ทั่วประเทศ พอเข้าสู่ปีที่ 9 เริ่มมีตู้ที่ตัดค่าเสื่อมหมด ผนวกกับบริการใหม่ที่เข้ามาทดแทนแบงก์ เช่น ชำระและโอนเงิน ทำให้กำไรยิ่งขยายตัวเร็ว คาดทั้งปี +35% Y-Y ที่ 566 ลบ. ด้านราคาหุ้นยังไม่ทะลุจุดสูงสุดเดิมที่ 21.50 บาท ทั้งที่กำไรรายไตรมาสสร้างจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และซื้อขายบน PE2560 เพียง 27 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 35 เท่า
- MBAX (ฟินันเซัย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.50 บาท กำไรสุทธิ 2Q60 มีโอกาสออกมาดีกว่าคาดการณ์เดิมที่ 20 ลบ. +17% Q-Q, 189% Y-Y เพราะยอดส่งออกถุงซิปล็อคยังขยายตัวทุกตลาด และต้นทุน LDPE ยังลงต่อเนื่อง ขณะที่ คู่ค้าในสหรัฐฯ เร่งขยายการลงทุนรองรับความต้องการที่สูงขึ้น ซึ่งล่าสุด MBAX เริ่มสร้างโรงงานใหม่ที่คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 15% แล้ว
- MTLS (ไอร่า) เป้า 37.50 บาท คาดกำไรสุทธิใน 2Q/60 จะสถิติสูงสุดใหม่เป็นไตรมาสที่ 11 ติดต่อกัน ภายใต้ไตรมาส 2 ของทุกปี เป็นช่วง High Season ของสินเชื่อ เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเทอม และเป็นช่วงชาวนาเริ่มปลูกข้าวนาปี ส่งผลให้ความต้องสินเชื่อจะเพิ่มสูงสุดในช่วง Q2 ของทุกปี และคาด MTLS ได้รับประโยชน์จากนโยบายการปราบปรามหนี้นอกระบบของรัฐบาล ภายใต้ MTLS เป็นแหล่งเงินกู้ที่เข้าถึงคนระดับรากหญ้าได้ง่ายที่สุด รองจากหนี้นอกระบบ ปัจจุบัน MTLS มีสาขาทั้งหมด 1,870 สาขา กระจายครอบคลุมถึงระดับชุมชน นอกจากนี้ยังสามารถอนุมัติสินเชื่อได้ภายใน 30 นาที ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ซึ่งต้องการเงินด่วนเพื่อเสริมสภาพคล่อง รวมถึง MTLS ยังชูจุดขายที่คิดดอกเบี้ยถูกกว่าคู่แข่ง พร้อมคาดปี 60 กำไรสุทธิ 2,285 ล้านบาท เติบโต 56%
- AMA (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 26.80 บาท ราคาปิด 21.5 ซื้อ ราคาเหมาะสม 26.80) จะเห็นผลประกอบการที่เริ่มก้าวกระโดดตั้งแต่งวด 2Q60 เป็นต้นไป โดยคาดจะเติบโต 79% YoY นอกเหนือจากการขยายกำลังการให้บริการ AMA ยังน่าจะได้รับผลบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนี Baltic Clean Tanker Index โดยมีค่าเฉลี่ย YTD เพิ่มขึ้น 20% YoY โดยรวมพร้อมคาดกำไรปี 60 เติบโต 112.6% YoY มาอยู่ที่ 305 ลบ.