บมจ.ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง (FTE) จะเปิดให้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 150,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยได้กำหนดราคาขาย IPO ที่ 2.95 บาท/หุ้น และจะเสนอขายในวันที่ 20-21 และ 24 ก.ค. โดยคาดว่าจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยราววันที่ 27 ก.ค.60 โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
FTE แต่งตั้ง บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ร่วมกับ บล.โนมูระ พัฒนสิน, บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย), บล.โกลเบล็ก, บล.ทรีนีตี้ และ บล.เอเซีย พลัส
ทั้งนี้ FTE เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิงแบบครบวงจร ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ และระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ รวมถึงการให้บริการออกแบบ จำหน่าย จัดหา รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ให้บริการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ดับเพลิงและงานระบบที่เกี่ยวข้องกับการดับเพลิง วัตถุประสงค์การระดมทุนเพื่อลงทุนก่อสร้างคลังสินค้า เปิดสำนักงานขายและบริการในประเทศ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ FTE เปิดเผยว่า การระดมทุนครั้งนี้ FTE จะนำเงินที่ได้มาใช้ในการสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ เปิดสำนักงานขายและบริการในประเทศ ประกอบด้วย ระยอง เชียงใหม่ และภูเก็ต รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจ ให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายรักษาความเป็นผู้นำตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงครบวงจร และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง
บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการทั้งปี 60 จะเติบโตในทิศทางเดียวกับช่วงไตรมาส 1/60 ที่มีรายได้ 236.62 ล้านบาท หรือเติบโต 15.88% จากไตรมาส 1/59 ที่มีรายได้ 204.19 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 1/60 อยู่ที่ 27.2 ล้านบาท เติบโต 60% จากไตรมาส 1/59 ที่มีกำไรสุทธิ 16.9 ล้านบาท โดยการเติบโตส่วนใหญ่จะมาจากโครงการโครงสร้างพื้นฐาน และมาตรฐานฐานระบบความปลอดภัยที่สูงขึ้น ทำให้ความต้องการอุปกรณ์ดับเพลิงในท้องตลาดมีมากขึ้น
ปัจจุบัน บริษัทฯมีงานในมือ (Backlog) ทั้งหมด 295.51 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 80% ของมูลค่างานทั้งหมด
สำหรับการเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยหลังจากที่ได้เดินทางนำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุนทั้งหมด 14 จังหวัดได้รับการตอบที่ดีจากนักลงทุน และบริษัทยังมีงานที่จะได้รับเพิ่มเติมจากงานโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงการนำสายไฟฟ้าลงดิน โครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ และโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่จะมีงานเข้ามาเพิ่มเติมให้กับบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง
"เราค่อนข้างมั่นใจสำหรับทิศทางผลประกอบการของเราที่ยังมีโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่จะเข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เรามองทิศทางการเติบโตที่ดีของบริษัทฯในอนาคต และจากการเดินทางโรดโชว์มาต่อเนื่อง 14 จังหวัด และได้รับการตอบรับที่ดีเราจึงมั่นใจว่าวันที่เข้าซื้อขายจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน"นายทักษิณ กล่าว
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM เปิดเผยว่า FTE เป็นบริษัทที่มีความโดดเด่นในธุรกิจจำหน่าย ออกแบบ ติดตั้งอุปกรณ์และระบบดับเพลิงครบวงจร การระดมทุนในครั้งนี้จะเป็นส่วนที่เสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจและการเติบโตให้ FTE ได้เป็นอย่างมาก
“ธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี จากโครงการภาครัฐและเอกชนที่มีความจำเป็นในการติดตั้งอุปกรณ์และระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายควมคุมอาคาร รวมถึงการออกแบบติดตั้งระบบตามสถานีไฟฟ้าแรงสูงที่มีแผนการการก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของปริมาณการใช้ไฟฟ้าในประเทศ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้ารับงานในอนาคต เชื่อมั่นว่า FTE สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง และจะเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะกลาง-ยาว จากการมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี การเติบโตของผลประกอบการ และความพร้อมในการขยายธุรกิจ"นายสมศักดิ์ กล่าว
ส่วนการเดินสายโรดโชว์ของ FTE ใน 14 จังหวัดที่ผ่านมา มีนักลงทุนเข้าร่วมรับฟังการนำเสนอข้อมูลกว่า 3,000 ราย ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นต่อทิศทางการดำเนินงาน ปัจจัยพื้นฐาน วิสัยทัศน์ของผู้บริหารเป็นอย่างดี
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ราคาเสนอขายหุ้น IPO ของ FTE ที่ 2.95 บาท มีระดับ P/E ที่ 18.1 เท่า ซึ่งมีส่วนลดอยู่ที่ 49.5% เมื่อเทียบกับ P/E ของบริษัทที่มีธุรกิจใกล้เคียงกันอยู่ที่ 30 เท่า ก็มองว่าเป็นีราคาที่มีความเหมาะสม และเชื่อว่าจะๆได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
ทั้งนี้ มองว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาการเข้าจดทะเบียนของบริษัทส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ และเป็นกลุ่มพลังงาน จึงทำให้นักลงทุนไม่มีตัวเลือกมากนัก แต่ช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่ากระแสตอบรับของหุ้น IPO จะปรับตัวดีขึ้น เพราะมีหุ้นที่ขนาดเล็กและขนาดกลาง และมีธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุน
"ช่วงครึ่งปีแรกหุ้น IPO ส่วนใหญ่ก็เป็นขนาดใหญ่ และเป็นธุรกิจพลังงานเป็นส่วนใหญ่ รวมไปถึงทิศทางของผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ที่ส่วนใหญ่จะออกมาไม่ดีนัก ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังผลประกอบการมักจะดีกว่า เชื่อว่านักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น และเชื่อว่าหุ้น IPO ที่มีธุรกิจหลากหลายจะทำให้ผู้ลงทุนมีทางเลือก และสนใจเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย และ FTE ก็จะเป็นตัวแรกในช่วงครึ่งปีหลังที่จะเข้าซื้อขายก็เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน"นายสมภพ กล่าว