(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ซึมตามภูมิภาคหลังปัจจัยนอกปท.ไม่แน่นอนสูงขึ้น,จับตาประชุม ECB

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 18, 2017 09:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซึมตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบราว 0.1% เนื่องจากนักลงทุนเพิ่มมีความระมัดระวังการลงทุนจากปัจจัยภายนอกประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น

ทั้งนี้ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น และการประชุมถัดไปในช่วงเดือน ก.ย.ก็น่าจะมีการปรับลดขนาดมาตการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อาจส่งผลให้ Bond Yield โลกสูงขึ้นและกดดันตลาดหุ้นโลก นอกจากนี้วุฒิสภาสหรัฐเลื่อนการพิจารณากฎหมายประกันสุขภาพออกไปอีก จึงเพิ่มความกังวลในความไม่แน่นอนของนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ

ส่วนปัจจัยในประเทศก็รอดูการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/60 ของกลุ่มแบงก์ พร้อมให้แนวรับ 1,570-1,564 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580-1,582 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,629.72 จุด ลดลง 8.02 จุด (-0.04%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,314.43 จุด เพิ่มขึ้น 1.97 จุด (+0.03%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,459.14 จุด ลดลง 0.13 จุด (-0.01%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 44.45 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 16.73 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 18.94 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 10.07 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.03 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.53 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.95 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ก.ค.60) 1,574.09 จุด ลดลง 3.70 จุด (-0.23%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 562.55 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 ก.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 ก.ค.60) ปิดที่ 46.02 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 52 เซนต์ หรือ 1.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ก.ค.60) ที่ 7.06 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.55/59 แนวโน้มแข็งค่าสอดคล้องทิศทางภูมิภาค มองกรอบวันนี้ 33.50-33.60
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ว่าสิ้นปี 2560 จีดีพีภาคเกษตรจะขยายตัวในกรอบ 2.5-3.5% ตามที่ได้พยากรณ์ไว้เมื่อเดือน ธ.ค.59 เนื่องจากการขยายตัวจีดีพีภาคเกษตรเป็นบวกต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาสแรกขยายตัว 4.7% และไตรมาส 2 ขยายตัว 2% และแนวโน้มรายได้ภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3 และ 4 จากผลผลิตสำคัญที่จะออกตลาด คือ ข้าว ยาง ปาล์ม ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แม้สัดส่วนการส่งออกยังน้อย แต่สร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น
  • ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในปี 2561 ททท.ตั้งเป้ารายได้การท่องเที่ยวเติบโต 8% มีต่างชาติมาเที่ยว 37 ล้านคน เทียบกับปีนี้อยู่ที่ 2.7 ล้านล้านบาท หรือจำนวน 34-35 ล้านคน
  • คลังพร้อมกู้เงินเพื่อใช้ก่อสร้างรถไฟไทย-จีน วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท ที่ได้รับการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งการลงทุนโครงการนี้จะใช้เวลา 3-4 ปี ไม่กระทบกับการกู้เงินที่มีการกู้ตามการใช้เงินจริง ซึ่งสามารถกู้ได้ทั้งในและนอกประเทศ เพราะเม็ดเงินของโครงการประมาณ 70-80% คาดว่าจะเป็นการใช้ภายในประเทศจากการก่อสร้างงานโยธาทั้งหมด
  • สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เผยหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 พ.ค. 2560 มีจำนวน 6.34 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 42.90% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 7.9 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 4.9 ล้านล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 9.71 แสนล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน รัฐบาลค้ำประกัน 4.46 แสนล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 1.75 หมื่นล้าน

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BEAUTY (ธนชาต)"ซื้อ" คาดกำไร 2Q60 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 218 ล้านบาท +57% y-y และ 9% q-q จาก SSSG ขยายตัวแกร่ง +15% y-y และเปิดสาขาต่อเนื่อง ขยายการขายไปยัง modern trade มากขึ้น และรายได้จากการส่งออก/ขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น มองกำไรทั้งปี +39% ปีนี้
  • KTC (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 135 บาท ราคาหุ้นลดลงสะท้อนความเสี่ยงที่แบงก์ชาติจะออกกฏควบคุมออกบัตรเครดิตไปแล้ว ขณะที่ผลประกอบการโดยรวมยังแข็งแกร่ง 2Q60 คาดมีกำไรสุทธิ 700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%yoy ราคาหุ้นซื้อขายบน PE ต่ำเพียง 10 เท่า มี DPS ต่อปีประมาณ 4.50 บาท ให้ Dividend yield ประมาณ 4% ราคาหุ้นที่ลดลงจึงเป็นโอกาสซื้อ
  • CHG (ฟินันเซีย ไซรัส) คาดกำไร 2Q60 โตทั้ง Q-Q และ Y-Y เพราะฝนมาเร็ว และต้นทุนจากการขยาย capacity เริ่มนิ่ง ส่วนแนวโน้ม 2H60 คาดโตต่อเนื่องจาก High Season และได้ประโยชน์จากการปรับเพิ่มเงินประกันสังคม ซึ่งคิดเป็น 36% ของรายได้ ด้านราคาเป้าหมายของ Consensus อยู่ที่ 2.70-3.00 บาท
  • SWC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 14.70 บาท กลุ่มทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง ถือหุ้นใหญ่ 36% ประกาศเทนเดอร์หุ้นที่เหลือทั้งหมด 64% ที่ราคา 13.25 บาท โดยมีกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมตกลงขายแล้ว 28.93% การเพิ่มสัดส่วนของ TOA สะท้อนศักยภาพการเติบโต และกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งของ SWC
  • MONO (ไอร่า) "ซื้อ"เป้า 4.20 บาท ผู้ประกอบธุรกิจสื่อหลากหลายช่องทางและธุรกิจให้บริการข้อมูล โดยแม้มีผลการดำเนินงานขาดทุนใน 3 ปีหลังสุดจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการเริ่มต้นประกอบธุรกิจทีวีดิจิตอล แต่มองประเด็นความน่าสนใจในการพลิกฟื้น (Turnaround) ของผลการดำเนินงานให้สามารถกลับมามีกำไรได้ในปี 60 จากปัจจัยสำคัญ คือ การเพิ่มขึ้นของค่าโฆษณาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดตัว Platform ใหม่ที่คาดว่าจะเป็น Driver ในระยะยาว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ