หุ้น BGRIM ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 16.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท (+5.00%) จากราคาขาย IPO ที่ 16 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 3,002.55 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 17 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 17.20 บาท และราคาลงต่ำสุด 16.70 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯมองผลประกอบการของ บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) จะโตปีละราว 30% ในช่วงปี 2559-2562 แต่ ณ ราคา IPO ที่ 16 บาท สำหรับปี 2560 มีความเหมาะสมแล้ว คิดเป็น PER ราว 20 เท่า ก่อนที่จะลดลงเป็น 15.7 และ 13.5 เท่าในปี 2561-2562 ตามลำดับ และคาดเงินปันผลที่ 1.9-3.0% เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่วิเคราะห์ (เช่น BCPG, EGCO, RATCH, GLOW, GPSC, TPIPP) ที่มี PER เฉลี่ยสำหรับปี 2560-2561 ที่ 15 และ 12 เท่าตามลำดับ และมีเงินปันผลที่ราว 4%
BGRIM ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลักด้านการผลิตและขายไฟฟ้า ไอน้ำ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ (เป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP รายใหญ่อันดับ 2 และคาดว่าจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ในปี 2564) มีโครงการโรงไฟฟ้าทั้งสิ้น 43 โครงการ ผ่านการถือหุ้นในบริษัทย่อย และบริษัทร่วมค้า โดยโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมด ได้แก่
โครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว (28 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วน 920.1 MW, กำลังการผลิตไอน้ำ 219.7 ตัน/ชม.) โครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง (5 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วน 235.5MW, กำลังการผลิตไอน้ำ 49.8 ตัน/ชม.) และโครงการโรงไฟฟ้าที่ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ (10 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วน 314.2MW, กำลังการผลิตไอน้ำ 60 ตัน/ชม.) มีลูกค้าหลัก 4 กลุ่มคือ กฟผ., กฟภ., EDL (การไฟฟ้าลาว) และลูกค้าอุตสาหกรรม
ขณะที่บริษัทตั้งเป้ากำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 77% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 5 โครงการ และมีโครงการโรงไฟฟ้าที่ได้ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและอยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 10 โครงการ, บริษัทได้รับสิทธิในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนในพื้นที่เดิมสำหรับโครงการ ABP1-2 และ BPLC1 โดยสัญญาใหม่มีอายุ 25 ปี และปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าไม่เกิน 30MW มีราคารับซื้อที่ 2.8186 บาท/หน่วย นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว, โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไทย และการพัฒนาระบบส่ง และจำหน่ายไฟฟ้าในกัมพูชา