นางสาวรุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.มาลี กรุ๊ป (MALEE) กล่าวว่า บริษัทวางกลยุทธ์ 4R เพื่อการปรับทิศทางการดำเนินธุรกิจจากการเป็น"ผู้ผลิตน้ำผลไม้" สู่การเป็น"ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก"ภายในปี 64 โดยกลยุทธ์แรก คือ Rebrand จาก"มาลีสามพราน" มาเป็น "มาลี กรุ๊ป" เมื่อปีที่แล้ว พร้อมการปรับ Product Portfolio ใหม่ครอบคลุมตั้งแต่การจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สอดคล้องกับทิศทางของบริษัท
กลยุทธ์ที่ 2 Reorganize ปรับโครงสร้างองค์กรทั้งระบบ พร้อมจัดทัพทีมผู้บริหารใหม่ ตลอดจนจัดตั้งหน่วยงานใหม่ เช่น Business Development และ International Business เพื่อเตรียมความพร้อมและรองรับสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก
กลยุทธ์ที่ 3 Renovate จัดสรรงบลงทุนกว่า 1.5 พันล้านบาท เพื่อปรับปรุงสถานที่ทำงาน เครื่องจักร และกระบวนการทำงาน ประกอบด้วย การวาง master plan โรงงานใหม่ทั้งหมดให้ทันสมัย เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ,ลงทุนเครื่องจักรใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มการผลิตจาก 300 ล้านลิตร/ปี เป็น 330 ล้านลิตร/ปี รองรับความต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศ และระบบ Back Office ด้วยการพัฒนาระบบ IT ระบบ CRM รวมถึงการพัฒนาฐานข้อมูลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมงาน และการปรับปรุงออฟฟิศใหม่
กลยุทธ์ที่ 4 Reconnect มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการเสริมแกร่งและพัฒนาความร่วมมือกับบริษัทพาร์ทเนอร์ชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ในการพัฒนาสินค้าใหม่ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิต การพัฒนาช่องทางขายและการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ เช่น Monde Nissin Corporation ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศฟิลิปปินส์ ,Mega Lifesciences ผู้ผลิตยาและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น
"เราวางงบลงทุน 1.5 พันล้านบาท ใช้ในระยะ 3 ปี ปี 59-61 เฉลี่ยปีละ 500 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 40 ปี เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและลดต้นทุนการผลิต รวมถึงการรีโนเวท ปรับภาพลักษณ์องค์กร และการปรับปรุงออฟฟิศใหม่ เนื่องจากอาคารค่อนข้างเก่ามาก เพื่อให้มีบรรยากาศที่ดีในการทำงานมากขึ้น"นางสาวรุ่งฉัตร กล่าว
นางสาวรุ่งฉัตร กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 61 เติบโตอย่างก้าวกระโดด แตะ 1 หมื่นล้านบาท จากมุ่งเน้นการทำตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมายอดขายในต่างประเทศเติบโตราว 30-40% ต่อปี และปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศราว 43% และในประเทศไทย 57%
ขณะที่ปีนี้บริษัท ยังคาดว่ารายได้ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่จะเติบโตราว 10-15% จากระดับ 6.58 พันล้านบาทในปีก่อน แม้ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ยอดขายรวมน่าจะปรับลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามกำลังซื้อผู้บริโภคปรับตัวลง แต่ในครึ่งปีหลังนี้ เชื่อว่าตลาดน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพน่าจะเติบโตดีขึ้น ซึ่งบริษัทก็เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติมอีก 2-3 ผลิตภัณฑ์ จากที่ผ่านมาก็มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไปแล้ว เช่น น้ำมะพร้าวน้ำหอม 100% (Malee coco) เป็นต้น
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศ เพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจที่จะเข้ามาต่อยอดธุรกิจ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในครึ่งปีหลังอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามรูปแบบการร่วมมือในอนาคตบริษัทจะมุ่งเน้นการจับมือกับพันธมิตรหลาย ๆ ราย ต่อหนึ่งประเทศ และต้องเป็นประเทศที่ใหญ่ มีกำลังซื้อค่อนข้างมาก รวมถึงมีภูมิอากาศใกล้เคียงกับประเทศไทย เช่น ตลาดเกิดใหม่ ซึ่งมีความสนใจในประเทศอินโดนีเซีย ,เวียดนาม และเมียนมา เป็นต้น