เครือซิเมนต์ไทย (SCG) เปิดตัว "Open Innovation Center" ศูนย์กลางการเปิดรับความร่วมมือด้านงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกับภาครัฐ-เอกชน-การศึกษาทั่วโลก หวังเกิดเครือข่ายสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เร็วและดียิ่งกว่าด้วยความพร้อมด้านทรัพยากร และความทุ่มเทในการผลักดันงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ตอบสนองความต้องการและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภค พร้อมเพิ่มขีดแข่งขันอุตสาหกรรมไทยสู่อาเซียน
นายชลณัฐ ญาณารณพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี และประธานคณะทำงาน SCG Innovation Committee กล่าวว่า ด้วยความรู้ความสามารถของบุคลากรชั้นนำด้านการวิจัยและพัฒนาในเอสซีจีที่มีกว่า 1,800 คน และการให้ความสำคัญกับงานวิจัยและพัฒนา ( R&D) ดังกล่าวโดยวางแผนทุ่มงบประมาณปีละกว่า 6,000 ล้านบาท ประกอบกับประสบการณ์และความเข้าใจในกลุ่มลูกค้าจากการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน ทั้งในตลาดประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ทำให้มั่นใจได้ว่า Open Innovation Center ของเอสซีจี มีศักยภาพที่จะสามารถเสริมความแข็งแกร่งของการพัฒนานวัตกรรมให้กับทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจของเอสซีจี รวมไปถึงพาร์ทเนอร์ที่สนใจ เพื่อสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้นในปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น
“R&D ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้แก่เอสซีจี โดยในปี 2559 ที่ผ่านมา เอสซีจีมียอดขายจากกลุ่ม HVA ถึง 1.6 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 38% ของรายได้จากการขายรวม วันนี้เรายังคงเดินหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยนำความเชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมมาพัฒนาเป็น Open Innovation Center ด้วยความมุ่งหวังจะใช้เป็นศูนย์กลางที่เปิดกว้างให้เกิดความร่วมมือด้าน R&D ระหว่างเอสซีจี กับทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ของทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อดึงศักยภาพของแต่ละภาคส่วนมาแลกเปลี่ยนกัน ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับสินค้าและบริการที่สามารถส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้บริโภค" นายชลณัฐ กล่าว
นายชลณัฐ กล่าวว่า การเปิด Open Innovation Center ของเอสซีจี ยังเปิดพื้นที่สนับสนุนการทำ R&D อย่างเป็นระบบให้แก่เครือข่ายสตาร์ทอัพจากทั่วโลกที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ในการดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Sci-Tech) เพื่อร่วมพัฒนานวัตกรรมที่มีศักยภาพสูงกับเอสซีจี ในกลุ่ม Materials, Clean Tech และ Sensor & IoT ก่อนนำไปสู่การต่อยอดธุรกิจร่วมกันในอนาคตอีกด้วย
“เอสซีจี มุ่งหวังให้ Open Innovation Center สร้างประโยชน์กับทุกภาคส่วน ทั้งการผลักดันงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรมและการสร้างความยั่งยืนให้กับภาคธุรกิจด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การเปิดโอกาสให้ภาคการศึกษาได้มีประสบการณ์ในการทดลองใช้นวัตกรรมต่างๆ กับผู้บริโภคโดยตรง ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า รวมทั้งการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทยและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่ระดับอาเซียน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของภาครัฐด้วย"นายชลณัฐ กล่าว
ทั้งนี้ การเปิดตัว “Open Innovation Center" ของเอสซีจี ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญของเหล่านักวิจัย ทั้งผู้ที่เคยมีความร่วมมือกับเอสซีจีอยู่แล้ว หรือผู้ที่มีแนวคิดใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่ออนาคต ตลอดจนผู้ที่ต้องการนวัตกรรมเพื่อใช้ในการพัฒนาหรือแก้ปัญหาของธุรกิจ เพราะเอสซีจีมีทั้งทรัพยากร เครื่องมือปฏิบัติการ ตลอดจนวิธีการทำงานที่เป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และเป็นการทำงานร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญ จึงมีความรวดเร็วกว่าวิธีการทำ R&D ทั่วไปที่พร้อมเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมเป็น Solution Partner ในการพัฒนาเทคโนโลยี กระบวนการผลิต และผลิตภัณฑ์