โบรกเกอร์ ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 2/60 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน แม้ว่ายอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะปรับตัวลงก็ตาม แต่การเพิ่ม Private Brand ผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดสาขา HomePro S ซึ่งมีรูปขนาดเล็กลง รองรับลูกค้ากลุ่มชั้นในของเมืองเชื่อว่าจะช่วยหนุนผลประกอบการทั้งปี 60 ยังคงขยายตัวจากปีก่อน
ขณะที่ราคาหุ้น HMPRO ปรับตัวลงก่อนหน้า ทำให้ราคาน่าสนใจที่จะเข้าลงทุน และยังมี Upside จากราคาเป้าหมาย
ราคาหุ้น HMPRO ช่วงบ่ายอยู่ที่ 9.35 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่ SET บวก 0.17%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กสิกรไทย ซื้อ 12.00 เคจีไอฯ Outperform 12.00 บัวหลวง ซื้อ 11.40 ฟินันเซีย ไซรัส ถือ 10.80 ดีบีเอสฯ ถือ 10.10
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ราคาหุ้น HMPRO ยังมี Upside และคาดว่ากำไรในไตรมาส 2/60 จะอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน โดยมี Profit Margin ดีขึ้น ขณะที่ยอดขายในไตรมาส 2/60 คาดอยู่ที่ 1.53 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% จากงวดปีก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของสาขาใหม่ 9 แห่ง อย่างไรก็ตาม ยอดขายสาขาเดิม ลดลง 3% ซึ่งตรงนี้ให้เฝ้าระวังเพราะหากประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/60 อาจจะแย่กว่าคาด
ทั้งนี้ ประมาณการยอดขายในปี 60 อยู่ที่ 6.3 หมื่นล้านบาท และ กำไรอยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท
นายประกิต กล่าวว่า ช่วงครึ่งหลังปี 60 ยังต้องจับตาแนวโน้มผลการดำเนินงาน แม้ว่า HMPRO จะมีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้น โดยมีการเปิดร้านรูปแบบใหม่ หรือ HomePro S และเปิดสาขาใหม่ที่มาเลเซียเป็นสาขาที่ 3 แต่รายได้จากภาคเกษตรที่อาจจะแย่ลงในช่วงไตรมาส 3 ที่เป็นโลว์ซีซั่น และในเดือนต.ค.จะมีงานพระราชพิธีสำคัญ อาจทำให้ยอดขายจะชะลอและกระทบภาพรวมยอดขายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาหุ้น HMPRO ที่ปรับลดลงมาในช่วงนี้น่าจะเป็นผลมาจากยอดขายสาขาเดิมที่ติดลบหนักขึ้น และผลประกอบการที่ไม่น่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการบริโภคที่ดูสดใสขึ้น และ margin ที่เพิ่มขึ้นก็น่าจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นในครึ่งหลังปี 60 ขณะที่ราคาหุ้นยังคงมี Upside จากราคาเป้าหมาย
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิของ HMPRO ในไตรมาส 2/60 จะอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากงวดปีก่อน และ 5% จากไตรมาสก่อน โดยคาดว่า SSSG จะลดลง 3.5% ซึ่งเป็นผลมาจากสาขาต่างจังหวัดที่คาดว่า SSSG จะอยู่ที่ติดลบ 4-5% ขณะที่คาดว่า SSSG ของสาขาในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจะติดลบ 1-2% อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการบริโภคที่ดูสดใสขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสินค้า Private Brand ก็น่าจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นในครึ่งหลังปี 60
นายไชยธร ศรีเจริญ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง แนะ"ซื้อ"หุ้น HMPRO เพราะยังมี Valuation หลังราคาปรับตัวลงมา แม้ว่ายอดขายในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ชะลอตัว โดยคาดว่ายอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 2/60 จะลดลง 5%
HMPRO เพิ่งเปิดสาขาขนาดเล็กภายใต้ชื่อ HomePro S เป็นสาขาแรกพื้นที่ประมาณ 1,500 ตารางเมตร เทียบกับขนาดปกติที่ 7,000 ตารางเมตร เห็นว่าประเภทและลักษณะของสินค้าเหมาะที่จะตอบสนองลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเมืองชั้นใน ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยในคอนโดมิเนียม หรืออพาร์ทเมนท์ แม้ความหลากหลายของสินค้าแต่ละประเภทจะน้อยกว่าสาขาขนาดปกติ แต่ลูกค้าสามารถสั่งสินค้าที่ไม่ได้วางในร้านผ่านระบบ E-commerce ที่ตั้งอยู่ในร้านได้
นางสาวสุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ปรับคำแนะนำจาก"ซื้อ"เป็น"ถือ"สำหรับหุ้น HMPRO และปรับราคาเป้าหมายเป็น 10.80 บาท จากเดิมที่ 12 บาท เนื่องจากแนวโน้มยอดขายสาขาเดิมลดลง โดยในไตรมาส 2/60 คาดว่าลดลง 4% และในไตรมาส 3 เป็นช่วงโลว์ซีซั่น รวมทั้งคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังยังมี Downside อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการกำไรปีนี้ ที่ 4.68 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% จากปีก่อน