(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ซึมลงเล็กน้อยตามภูมิภาค หลัง ECB ส่งสัญญาณทยอยลด QE

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 21, 2017 09:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวซึมลงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบ ตอบรับผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงวงเงินตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งก็น่าจะทยอยลดการทำ QE ในเดือนก.ย. ตรงนี้ทำให้ตลาดฯอาจจะแกว่งแคบ ส่วนผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็เป็นไปตามคาด ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ส่วนบ้านเราจะเห็นได้ว่าผลประกอบการไตรมาส 2/60 ของกลุ่มแบงก์ออกมาตามคาด ถ้าไม่นับ KTB ที่มีการตั้งสำรองฯมาก อันเป็นผลจากกรณีหนี้ EARTH นอกจากนี้ให้ระวังหุ้นในกลุ่มสายการบินที่อาจมีแรงขายทำกำไรออกมาได้ เนื่องจากหุ้นในกลุ่มสายการบินในยุโรปปรับตัวลงแรงเมื่อวานนี้ ส่วนบ้านเราก็มีการเล่นเก็งกำไรกลุ่มสายการบินในช่วงก่อนหน้านี้ จากรับผลดีเงินบาทแข็งค่า โดยเฉพาะพวกที่มีหนี้ต่างประเทศมาก

พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,570-1,580 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,611.78 จุด ลดลง 28.97 จุด (-0.13%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,390.00 จุด เพิ่มขึ้น 4.96 จุด (+0.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,473.45 จุด ลดลง 0.38 จุด (-0.02%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 54.73 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.27 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 37.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 30.89 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.06 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.29 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.92 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 12.92 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ก.ค.60) 1,575.28 จุด ลดลง 0.57 จุด (-0.04%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,250.74 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ก.ค.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 ก.ค.60) ปิดที่ 46.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ก.ค.60) ที่ 7.85 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.55/57 แนวโน้มแข็งค่าต่อหลังดอลล์อ่อนจากความกังวลปัญหาการเมืองในสหรัฐฯกรณีโอบามาแคร์
  • ตัวเลขการส่งออกไทยเดือน มิ.ย. 2560 มีมูลค่า 2.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.73% เทียบกับเดือน มิ.ย. 2559 ส่วนการนำเข้าเดือน มิ.ย. 2560 มีมูลค่า 1.83 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13.74% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้าเดือน มิ.ย. 2560 มูลค่า 1,916.9 ล้านดอลลาร์
  • ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) โดยจะแบ่งกฎหมายออกเป็น 2 ฉบับ กฎหมายฉบับแรกยังคงเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการลงทุนต่างๆ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส แต่จะเพิ่มเรื่องการเฉลี่ยความเสี่ยงในการลงทุนมากขึ้น หากโครงการลงทุนนั้นมีความเสี่ยงภาคเอกชนก็อาจจะขอความช่วยเหลือจากภาครัฐได้ เป็นต้น
  • บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ปรับประมาณการตลาดรถยนต์ปี 2560 เป็น 8.3 แสนคัน จากต้นปีคาดว่าอยู่ที่ 8 แสนคัน จากปัจจัยการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการเติบโตของจีดีพี
  • ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียแปซิฟิก เป็น 5.9% ในปีนี้ และปีหน้าเป็น 5.8% จากคาดการณ์เดิมในเดือน เม.ย.ของทั้งสองปีที่ 5.7% เนื่องจากดีมานด์โลกที่ฟื้นตัวและราคาน้ำมันถูกจะช่วยกระตุ้นการส่งออกของเอเชีย
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยการปรับแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ไม่ได้เกิดเฉพาะกับค่าเงินบาท เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการเมืองสหรัฐ บวกกับมีปัจจัยจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาในช่วงหลังๆ อาจไม่เป็นไปตามความคาดหวังของตลาด พร้อมมองผลประกอบการของระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2 ปีนี้อาจมีบางธนาคารที่มีสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เป็นหนี้เสีย ทำให้มีการตั้งสำรองหนี้มากขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก และทำให้ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์บางแห่งลดลง ซึ่งเป็นเหตุการณ์เฉพาะในไตรมาส 2 ปีนี้
  • รมว.คลัง มั่นใจขีดแข่งขันด้านลงทุน โครงสร้างพื้นฐานไทย ในอีก 2 ปี ต่ำกว่าอันดับ 40 จากปัจจุบัน 49 เหตุรัฐเร่งลงทุนต่อเนื่อง คาดสัดส่วนลงทุนรัฐต่อจีดีพีขยับเป็น 15% ของจีดีพี จากปัจจุบันเพียง 8-9% ขณะที่แอร์บัสเล็งลงนามร่วมลงทุนการบินไทย ในไตรมาสแรกปีหน้า ตั้งศูนย์ซ่อมใหญ่ ศูนย์ซ่อมลำตัวเครื่องบิน ศูนย์ฝึกอบรม

*หุ้นเด่นวันนี้

  • ERW (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6 บาท คาดกำไรสุทธิ 2Q60 ที่ 36 ล้านบาท โตจากที่ทำได้เพียง 1 ล้านบาทใน 2Q59 จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการขยายโรงแรม Hop Inn แนวโน้มระยะยาวยังสดใส ตามแผนขยายห้องพักอีก 50% จากปัจจุบันไปจนถึงปี 2563 คาดกำไรสุทธิปี 2560-2561 โตเฉลี่ย 189% ต่อปี
  • LH (โกลเบล็ก) Bloomberg Consensus 11.19 บาท คาดกำไร 2Q60 โดดเด่น YoY และ QoQ จากธุรกิจหลักที่มีโมเมนตัมดีจากการโอนโครงการแนวราบและเริ่มโอนคอนโด 2 โครงการ The Room เจริญกรุง (ขายแล้ว 48%) The Bangkok สาธร(ขายแล้ว 69%) และรายการพิเศษที่เป็นกำไรจากการขาย Grand Center Point ราชดำริเข้ากองทุน LHHOTEL ราว 1 พันล้านบาท พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 60 รวมรายการพิเศษราว 9.3 พันล้านบาท +10%YoY และคาด yield 1H60 ราว 3% (คาดเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.30 บาท)คาดการณ์เงินปันผลทั้งปี 0.68 บาท yield 6.9%
  • TOP (ไอร่า) เป้า 96 บาท ค่าการกลั่นตลาดสิงค์โปร์ ล่าสุด 7.84 ใกล้เคียงระดับสูงสุดของปีนี้ ที่ 8.06 เมื่อต้นก.ค. ที่ผ่านมา พร้อมคาดผลการดำเนินงานปกติในช่วง 2Q/60 ยังแข็งแกร่ง คาดค่าการกลั่นรวม (GRM) ในช่วง 2Q/60 ของ TOP จะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 6.0 USD/bbl จาก 6.5 USD/bbl ในช่วง 1Q/60 แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วง 2Q/60 จะมีปัจจัยที่ไม่ได้มาจากการดำเนินงาน ดังนี้ 1) คาดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 300-400 ล้านบาท 2) คาดขาดทุนจากสต็อกน้ำมันประมาณ 1,200–1,500 ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลง ในส่วนของธุรกิจปิโตรเคมีในช่วง 2Q/60 คาดผลการผลการดำเนินงานอ่อนตัวลงจาก 1Q/60 ในขณะที่ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นและยางมะตอยในช่วง 2Q/60 ฟื้นตัวขึ้นโดดเด่น ดังนั้นหากรวมทั้ง 3 ธุรกิจหลักของ TOP คาด GIM รวมในช่วง 2Q/60 ยังอยู่ในระดับสูงที่ 8.8 USD/bbl

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ