สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บมจ. แอพเพิล เวลธ์ โฮลดิ้งส์ ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) จำนวน 740 ล้านหุ้น และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์การใช้เงิน เพื่อใช้เป็นเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ อาทิเช่น การให้บริการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์แก่ลูกค้า การให้บริการธุรกรรมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ และการบริการธุรกรรมการซื้อขายแบบ Block Trade เป็นต้น และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ โดยมีระยะเวลาในการใช้เงินในปี 2560-2561
บมจ. แอพเพิล เวลธ์ โฮลดิ้งส์ หรือ APPLE ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นในกิจการอื่นเป็นหลัก (Holding Company) และไม่มีการประกอบธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญเป็นของตนเอง ซึ่งอาจเป็นการลงทุนในกิจการในประเทศหรือต่างประเทศ โดยไม่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจบริหารจัดการเงินลงทุน (Investment Company) โดยจะถือหุ้นในบริษัทอื่น เพื่อวัตถุประสงค์ในการควบคุมตามสัดส่วนการลงทุน
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 1,840,000,000 บาท แบ่งเป็นทุนชำระแล้วเท่ากับ 1,470,000,000 บาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,940,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และถือหุ้นในบริษัท หลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) (APS) เพียงแห่งเดียวในสัดส่วนร้อยละ 99.99
APS เดิมชื่อบริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเดิม 1,000 ล้านบาท ภายใต้การถือหุ้นใหญ่ของบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วนร้อยละ 88.57 และกลุ่มผู้ถือหุ้นอื่นๆ ในสัดส่วนร้อยละ 11.43 ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556 APS ได้เปลี่ยนชื่อจาก "บริษัท หลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด" เป็น "บริษัท หลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด" และเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2557 ของ APS มีมติอนุมัติให้ APS แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่ง APS ได้ดำเนินการจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 ภายใต้ชื่อ “บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน)" ปัจจุบัน APS มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,400 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,400,000,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ปัจจุบัน APS มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ ถนนสีลม และมีสำนักงานสาขาอีก 8 สาขา ได้แก่ สาขาสีลม สาขาชลบุรี สาขาเชียงใหม่ สาขาหาดใหญ่ สาขาพิษณุโลก สาขาแม่สาย สาขาซีดีซี (ถนนประดิษฐ์มนูธรรม) และสาขาเซียร์รังสิต
โครงการในอนาคต บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มเงินลงทุนในบริษัทย่อย โดยมีเป้าหมายที่จะใช้เงินทุนดังกล่าวเพื่อขยายธุรกรรมการให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ธุรกรรมการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ และธุรกรรมการซื้อขายในรูปแบบ Block Trade เป็นต้น การขยายการให้บริการตามที่กล่าว โดยเฉพาะธุรกรรมการให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เป็นธุรกรรมที่สามารถสร้างรายได้จาก 2 ช่องทาง คือ รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ และรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
ในงวด 3 เดือนแรกปี 2560 APS สามารถรองรับนักลงทุนที่ต้องการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์จากการเปิดบัญชีเครดิตบาลานซ์ได้เพียง 300 ราย เนื่องจากเงินทุนของบริษัทมีจำกัด จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการใช้บริการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ นอกจากนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการซื้อขายต่อจำนวนบัญชี พบว่าบัญชีเครดิตบาลานซ์มีมูลค่าการซื้อขายที่สูงเมื่อเทียบกับจำนวนบัญชี ดังนั้นบริษัทและบริษัทย่อยจึงเล็งเห็นถึงประโยชน์ของการขยายธุรกรรมการให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพื่อการเติบโตของรายได้และกำไรในอนาคต ในการนี้ บริษัทจึงมีเป้าหมายที่จะลงทุนในธุรกิจการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ด้วยการใช้เงินจากการระดมทุนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้ การซื้อขายหลักทรัพย์แยกตามประเภทบัญชีในงวด 3 เดือนแรกปี 2560 1.บัญชีเงินสด (Cash Account) มีจำนวน 11,233 บัญชี มูลค่าการซื้อขาย 83,909.18 บาท คิดเป็น 73.44% มูลค่าการซื้อขายต่อจำนวนบัญชี 7.47 ล้านบาท 2. บัญชีเงินฝาก (Cash Balance Account) มีจำนวน 11,253 บัญชี มูลค่าการซื้อขาย 20,241.34 ล้านบาท คิดเป็น 17.72% มูลค่าการซื้อขายต่อจำนวนบัญชี 1.80 ล้านบาท 3. บัญชีเครดิตบาลานซ์ (Credit Balance Account) มีจำนวน 287 บัญชี มูลค่าการซื้อขาย 8,632.23 ล้านบาท คิดเป็น 7.55% มูลค่าการซื้อขายต่อจำนวนบัญชี 30.08 ล้านบาท 4. บัญชีมาร์จิ้นของ TSFC (Credit Line Account) มีจำนน 31 บัญชี มูลค่าการซื้อขาย 1,478.55 ล้านบาท คิดเป็น 1.29% มูลค่าการซื้อขายต่อจำนวนบัญชี 47.70 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะลงทุนในกิจการที่ประกอบธุรกิจด้านสินเชื่อภายในประเทศ ในรูปแบบของการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สถาบันการเงิน และ/หรือ ธุรกิจลีสซิ่ง (Leasing) เพราะมีความเห็นว่าเป็นธุรกิจด้านการเงินที่มีโอกาสในการเติบโตและมีเสถียรภาพ เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ปัจจุบันบริษัทอยู่ในระหว่างการดำเนินการศึกษาข้อมูลและความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจดังกล่าว
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวด 3 เดือนปี 2560 รายได้ธุรกิจหลักทรัพย์สุทธิ 143.25 ล้านบาท ต้นทุนทางการเงิน 23.04 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3.73 ล้านบาท โดยสินทรัพย์รวม 1,717.77 ล้านบาท หนี้สินรวม 767.06 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 950.71 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 27 มิ.ย.2560 ประกอบด้วย นายเอกฉัตร ลีลาปัญญาเลิศ ถือหุ้น 432,940,800 หุ้น คิดเป็น 14.73% หลังเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 11.76%, กลุ่มครอบครัว ศรีสุวรรณ ถือหุ้น 390,172,830 หุ้น คิดเป็น 13.27% หลังเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 10.60%, นายเดชา แปงคำ ถือหุ้น 177,143,200 หุ้น คิดเป็น 6.03% หลังเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 4.81%
บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองต่างๆ ทั้งหมด