บลจ.กสิกรไทย ออกกองทุนใหม่"K-FIXEDPLUS" เพิ่มลงทุนตราสารหนี้ตปท. เปิดขายครั้งแรก 25-31 ก.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 24, 2017 13:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารหนี้ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ พลัส (K-FIXEDPLUS) ครั้งแรกระหว่างวันที่ 25-31 ก.ค.60 เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลางถึงยาว ซึ่งมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้น รวมถึงเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่มากกว่าการลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว เนื่องจากกองทุน K-FIXEDPLUS จะมีนโยบายลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ โดยจะมีสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศได้ตั้งแต่ 0%-100% และกองทุนดังกล่าวยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่ต่ำกว่า 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ

"กองทุน K-FIXEDPLUS เป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นจากกองทุนในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กสิกรไทย โดยจุดเด่นของกองทุนอยู่ที่การกระจายไปลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ในต่างประเทศได้ จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการคัดเลือกตราสารที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ รวมทั้งยังเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุยาวขึ้น หรือมีอายุเฉลี่ยของตราสาร (Duration) อยู่ที่ประมาณ 1.5 -3.0 ปี" นายชัชชัย กล่าว

นายชัชชัย กล่าว่า สำหรับมุมมองการลงทุนในตราสารหนี้ บลจ. กสิกรไทย มองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไทยอยู่ที่ระดับ 1.50% ไปจนถึงกลางปี 61 เนื่องจากยังเป็นระดับที่เอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของไทยที่ยังอ่อนตัว ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาตราสารหนี้ไทยให้ยังอยู่ในทิศทางที่ดี ส่วนปัจจัยต่างประเทศ แม้ว่าจะยังมีความไม่แน่นอนของจังหวะในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ตลาดคาดอาจมีโอกาสปรับขึ้นอีก 1 ครั้งในช่วงปลายปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น และถ้าเฟดปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นจริง ก็ไม่น่าส่งผลกระทบต่อกระแสเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนมากนัก เนื่องจากตลาดรับรู้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ จะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป

อย่างไรก็ตามสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ไทย ถือว่ายังไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค และค่าเงินบาทที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพและเศรษฐกิจไทยยังมีสถานะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยที่กล่าวมาจึงทำให้ตลาดตราสารหนี้ยังมีความน่าสนใจเข้าลงทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ