KTBST คาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้อาจรีบาวด์ถึงผันผวนในกรอบ 1,566-1,590 จุด จับตาประชุมเฟด-โอเปกกับรัสเซีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 24, 2017 14:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (24-27 ก.ค. ) อาจมีการรีบาวด์ แต่ทิศทางยังไม่แน่นอน และอาจมีความผันผวนในกรอบ 1,566-1,590 จุด โดยยังต้องจับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กับรัสเซียในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อตลาด

ทั้งนี้ การประชุมเฟดที่จะมีขึ้นในวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ เป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนจับตามองโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ยังคงเป็น 0% แต่หากเฟดส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยและลดขนาดงบดุลที่ชัดเจนจะมีผลต่อตลาด อย่างไรก็ตามด้วยเสถียรภาพของประธานาธิบดีสหรัฐในเวลานี้ เฟดอาจไม่กล้าออกตัวแรงต่อการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ขณะเดียวกันสัปดาห์นี้ต้องจับตาดูการพิจารณากฎหมายสุภาพของสหรัฐ ที่คาดว่าจะกลับสู่สภาฯอีกครั้ง

รวมถึงต้องติดตามผลการประชุมระหว่างโอเปก และรัสเซีย ในวันนี้ (24 ก.ค.) ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ปรับตัวสูงขึ้นมาจากสัปดาห์ก่อนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดต่ำลง อย่างไรก็ตามการผลิตน้ำมันของโอเปก ในเดือนก.ค. ระดับ 33 ล้านบาร์เรล สูงขึ้น 1.4 แสนบาร์เรล กลายเป็นตัวกดดันต่อราคาน้ำมันดิบในวันศุกร์ ปัจจุบันให้แนวต้านของราคาน้ำมันดิบไว้ที่ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล หากการประชุมระหว่างโอเปก และรัสเซียมีการตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลงอีกจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบ และหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี โดยตรง

"ทิศทางตลาดสัปดาห์นี้จะไปอยู่ที่การประชุม FOMC การพิจารณากฎหมายสุขภาพของสหรัฐ , การรายงานผลประกอบการของแต่ละตลาด รวมถึงทิศทางราคาน้ำมัน ประเมินว่า SET Index สัปดาห์นี้ หากประชุมเฟด หรือประชุมผู้ผลิตน้ำมันมีผลออกมาที่ดี ตลาดหุ้นอาจเกิด Technical Rebound เพราะหุ้นหลาย ๆ ตัวถูกขายหนักในสัปดาห์ก่อน คาดว่าดัชนีสัปดาห์นี้จะผันผวนในกรอบ 1,566 -1,590 จุด"นายวิน กล่าว

นายวิน กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ด้วยความไม่แน่นอนในทิศทางตลาดการเข้าลงทุนจึงความเน้นหุ้นที่มีความปลอดภัยสูงหรือหุ้นที่มีปัจจัยบวกสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลประกอบการไตรมาส 2 , หุ้น Defensive หรือหุ้นที่จ่ายปันผลสูง เพราะจะถึงช่วงของการจ่ายเงินปันผลกลางปี ขณะเดียวกันควรหลีกเลี่ยงหุ้นที่ราคาขึ้นมามาก โดยไม่มีปัจจัยบวกรองรับ เช่น หุ้น P/E สูง แต่กำไรปรับตัวลง เพราะหากดัชนีฯกลับลงไปที่ 1,566 จุด อาจมีแรงขายหุ้นเหล่านี้อีกครั้ง

ดังนั้น การเข้าซื้อหุ้น ควรรอจังหวะตั้งรับและเลือกตัวที่มีแรงซื้อเข้า เนื่องจากตลาดสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีลักษณะของเลือกสลับเล่นเป็นรายตัวไป (Selective & Switching) อยู่ต่อไป หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ อาทิ AMATA , KCE, KSL , JWD, BCH หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค อาทิ ESSO , SIRI


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ