โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.โรงพยาบาลราชธานี (RJH) หลังประเมินว่ากำไรปี 60 จะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักจากปีก่อน ดีกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่เติบโตเพียงตัวเลขหลักเดียว อีกทั้งยังมีโอกาสปรับประมาณการกำไรขึ้นจากเงินสมทบจากโครงการประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่สำนักงานประกันสังคมเพิ่มค่าบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยประกันสังคม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ ขณะที่ RJH มีสัดส่วนรายได้จากประกันสังคมเป็นหลัก
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของ RJH ในไตรมาส 2/60 คาดว่าจะเติบโตมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเติบโตหลักมาจาก บริษัทย่อย RRH ที่พลิกกลับมากำไร จากผู้ป่วยเข้าใช้บริการมากขึ้น จำนวนเคสโรคหัวใจเพิ่มขึ้น และภาระดอกเบี้ยที่ลดลงจากการคืนหนี้บางส่วน
ราคาหุ้น RJH ช่วงบ่ายอยู่ที่ 23.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 (+3.52%) ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 0.27%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) บัวหลวง ซื้อ 33.00 ธนชาต ซื้อ 25.30 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 26.10
นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บล.บัวหลวง กล่าวว่า RJH เป็นหนึ่งในไม่กี่โรงพยาบาลภายใต้การวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ที่มองว่าจะมีอัตรากำไรขยายตัวได้ โดยประเมินว่าปีนี้ RJH จะมีกำไรเติบโต 21% จากปีก่อน เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่เพียง 4% อีกทั้งยังมีโอกาสปรับประมาณการกำไรขึ้นจากเงินสมทบจากโครงการประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นด้วย
โดยตามที่กระทรวงแรงงานได้ประกาศ ให้เงินประกันสังคมสูงขึ้นประมาณ 5% จากอัตราเดิม และจะเริ่มใช้อัตราใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยเงินได้คงที่ (fixed payment) จะสูงขึ้นจาก 1,460 บาท/คน/ปี มาอยู่ที่ 1,500 บาท/คน/ปี และเงินได้ผันแปร (non-fixed payment) จะเพิ่มจาก 432 บาท/คน/ปีมาอยู่ที่ 447 บาท/คน/ปี สำหรับโรคที่ไม่ร้ายแรงมาก และจะเพิ่มจาก 560 บาท/คน/ปี ไปอยู่ที่ 640 บาท/คน/ปี สำหรับความเสี่ยงต่อหัวของผู้ป่วยใน
ทั้งนี้ RJH จะได้รับผลประโยชน์สูงจากการปรับอัตราการจ่ายเงินประกันสังคมขึ้น เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยประกันสังคมอยู่ที่ 46% ในไตรมาส 1/60 เบื้องต้นประเมินว่านโยบายใหม่นี้จะหนุนกำไรหลักของ RJH ให้สูงขึ้น 2% ในปี 60 และ 5% ในปี 61
"เรามองแนวโน้มผลประกอบการของ RJH จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นหนึ่งในไม่กี่โรงพยาบาลที่เรามองว่าจะมีอัตรากำไรขยายตัวได้ โดยได้รับแรงหนุนจากการรักษาโรคร้ายแรงที่มากขึ้น เงินสมทบจากโครงการประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นด้วย"นายวิกิจ กล่าว
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์โดยคาดว่ากำไรสุทธิของ RJH ในไตรมาส 2/60 จะอยู่ที่ 42 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 47.5% แต่ลดลง 29.3% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1/60 เนื่องจากฐานกำไรสุทธิที่สูงเพราะไตรมาส 1/60 บริษัทย่อย คือ บริษัท โรงพยาบาลราชธานี โรจนะ จำกัด (RRH) มีการบันทึกรายได้ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีจำนวน 28.6 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการหักภาษีได้เนื่องจากมีขาดทุนสะสม
อย่างไรก็ตามหากเป็นกำไรปกติจะเติบโต 36.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 47.5% จากไตรมาสก่อน โดยการเติบโตหลัก ๆ มาจาก RRH ที่พลิกกลับมากำไรตั้งแต่ไตรมาส 4/60 เนื่องจาก RJH ส่งทีมแพทย์และอุปกรณ์เข้าไปช่วยดูแลและบริหาร ประกอบกับฤดูฝนที่มาเร็วทำให้จำนวนผู้ป่วยเข้าใช้บริการมากขึ้น นอกจากนี้จำนวนเคสโรคหัวใจเพิ่มขึ้น และภาระดอกเบี้ยที่ลดลงจากการคืนหนี้บางส่วนหลังการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่ไตรมาส 4/60 จากดอกเบี้ยเดิมที่ประมาณ 9 ล้านบาท เหลือกว่า 1 ล้านบาทเท่านั้น
สำหรับแนวโน้มกำไรสุทธิทั้งปี 60 คาดว่าจะอยู่ที่ 208 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.2% จากปีก่อน โดยการเติบโตจากประกันสังคมที่เพิ่มค่าหัวจาก 1,460 บาท/คน/ปี เป็น 1,500 บาท/คน/ปี เป็นหลัก และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับค่าความยากของโรค รวมถึงการที่ RRH พลิกกลับมาทำกำไร และจำนวนผู้ประกันตนที่ยังเหลือช่องให้เพิ่มได้อีกเนื่องจากได้ขอโควต้าเพิ่มขึ้น และการปรับปรุงพื้นที่ของผู้ป่วยใน (IPD) และการเพิ่มเตียงใน RJH อีก 23 เตียง ซึ่งกำลังจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/60 ก็จะช่วยให้รองรับผู้ป่วยได้มากขึ้นในช่วงไฮซีซั่นที่จำนวนเตียงมักไม่พอต่อความต้องการ
ด้านบทวิเคราะห์บล.ธนชาต ระบุว่า ปรับประมาณการกำไรของ RJH ขึ้น 3-5% ในปี 60-62 เพื่อสะท้อนการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัว และค่าภาระเสี่ยงโรคซับซ้อนของผู้ป่วยภายใต้โครงการประกันสังคม ซึ่งมีผลตั้งแต่กลางปี 60 ขณะที่ RJH มีจำนวนผู้ประกันตนกับโรงพยาบาลที่ 158,074 ราย ในไตรมาส 1/60 และมีสัดส่วนรายได้จากโครงการประกันสังคมที่กว่า 46% ในไตรมาสแรก ทำให้ประมาณการรายได้จากผู้ป่วยประกันสังคมจะเติบโต 19% และ 11% ในปี 60-61 หนุนจากยอดผู้ลงทะเบียนประกันสังคมที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 162,200 ราย ในปี 60 และ 170,300 ราย ในปี 61 จากการปรับขึ้นเงินชดเชยค่ารักษาพยาบาล และรายได้ใหม่จากโปรแกรมตรวจสุขภาพฟรี
ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ"ซื้อ"สำหรับ RJH จากการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งที่ 20% ในปี 60 และ 13% ในปี 61 และ 11% ในปี 62 อย่างไรก็ตามการเติบโตของกำไรที่ชะลอตัวลงเกิดจากการประเมินว่ารายได้ผู้ป่วยโรคหัวใจส่งต่อภายใต้โครงการบัตรทองจะลดลง และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายจากการเปิดตึกใหม่ในช่วงต้นปี 62 ขณะที่กำไรที่ยังเติบโตในช่วงปี 60-62 ได้แรงหนุนสำคัญมาจากรายได้จากโครงการประกันสังคมที่เติบโต 19% และ 11% ในปี 60-61 , ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจาก 26 ล้านบาท ในปี 59 เป็น 1-3 ล้านบาทในปี 60-61 จากการชำระคืนเงินกู้หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ และการฟื้นตัวจากขาดทุนของ RRH ซึ่ง RJH ถือครองอยู่ 52%