นายสุรงค์ บูลกูล ประธานกรรมการ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิปีนี้น่าจะเติบโตเล็กน้อยจากปีก่อน เนื่องจากโรงไฟฟ้าสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในช่วงหลังจากนี้ก็ไม่มีการปิดซ่อมบำรุง รวมถึงจะสามารถรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าใหม่อีก 3 แห่ง เข้ามาในปีนี้ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้า IRPC-CP เฟส 2 กำลังการผลิต 195 เมกะวัตต์ ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/60,โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น 2 กำลังการผลิต 117 เมกะวัตต์ ที่จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรในไตรมาส 3/60 และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อิชิโนเซกิ โซลาร์ พาวเวอร์ ในญี่ปุ่น กำลังการผลิต 20.8 เมกะวัตต์ ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/60
ทั้งนี้ บริษัทยังเตรียมงบลงทุน 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตในมืออีก 1,000 เมกะวัตต์ ในปี 63 จากปัจจุบันที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือแล้ว 1,900 เมกะวัตต์ โดยจะลงทุนพลังงานทุกรูปแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน (energy stroage) เป็นต้น ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังมองหาโอกาสที่จะเข้าพัฒนาโครงการต่าง ๆ โดยขึ้นอยู่กับการเติบโตในแต่ละประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโครงการในต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น และสปป.ลาว
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 4-5 ราย เพื่อลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ที่ใช้ในการกักเก็บพลังงาน หลังจากได้รับสิทธิในการนำเทคโนโลยี 24M มาผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ในประเทศไทย และอาเซียน โดยเน้นการลดต้นทุน ประสิทธิภาพดีขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยคาดว่าจะสามารถสรุปพันธมิตรได้ภายในปีนี้ และวางงบลงทุนราว 1 พันล้านบาทเพื่อลงทุนในธุรกิจดังกล่าว ซึ่งคาดหวังว่าโรงงานแบตเตอรี่จะเริ่มการผลิตได้ในปี 62
"กลุ่มปตท. เรามีการลงทุนเกือบ 40 ประเทศ และยังคงมองหาโอกาสการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่นในประเทศเมียนมา ลาว และญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันรายได้จากต่างประเทศของ GPSC ถือว่ายังน้อยมาก โดยวางเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 1,000 เมกะวัตต์ ในปี 63"นายสุรงค์ กล่าว