บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือกลุ่มเอสซีจี เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/60 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 108,825 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสำหรับงวด 13,252 ล้านบาท ลดลง 17% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ตามผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีผลขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ ประกอบกับธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีผลการดำเนินงานลดลงเนื่องจากตลาดภายในประเทศชะลอตัว
ทั้งนี้ กลุ่มเอสซีจี ระบุว่าในไตรมาส 2/60 เอสซีจี เคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย 49,585 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 9% และคงที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันและ Naphtha โดย EBITDA เท่ากับ 17,722 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน จากเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม และลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 9,258 ล้านบาท ลดลง 31% จากไตรมาสก่อน และลดลง 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ ขณะที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากในไตรมาส 1/60 มีรายการขายเงินลงทุนที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ
ส่วนเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขายเท่ากับ 42,657 ล้านบาท ลดลง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากทั้งอุปสงค์และราคาขายที่ลดลงของตลาดในประเทศ และลดลง 5% จากไตรมาสก่อน ผลจากปัจจัยตามฤดูกาล ส่งผลให้ EBITDA เท่ากับ 5,550 ล้านบาท ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 12% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 1,768 ล้านบาท ลดลง 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 28% จากไตรมาสก่อนตาม EBITDA ที่ลดลง
ตลาดปูนซีเมนต์เทาโดยรวมในประเทศไทยหดตัวราว 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 13% จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากภาคเอกชนซบเซา ในไตรมาสนี้มีปริมาณขายปูนซีเมนต์เทาในประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดโดยรวม ทั้งนี้ ราคาปูนซีเมนต์ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน แต่ยังคงอยู่ในช่วง 1,650-1,700 บาทต่อตัน ขณะที่ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1,750-1,800 บาทต่อตัน
ปริมาณการส่งออกปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้น 0.5 ล้านตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 1.3 ล้านตัน โดยมีราคาขายส่งออกเฉลี่ย FOB อยู่ที่ระดับ $40 ต่อตัน ลดลง $23 ต่อตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับสภาวะตลาดในประเทศไทยยังคงชะลอตัว โดยความต้องการสินค้ากระเบื้องเซรามิกและสินค้าผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (กระเบื้องหลังคา ฝ้าเพดาน และผนัง) ลดลง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 60 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 225,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวด 30,638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากธุรกิจเคมีภัณฑ์มีกำไรจากส่วนได้เสียในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ประกอบกับในไตรมาสก่อนมีกำไรจากการขายเงินลงทุนที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 60 เอสซีจีมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม เท่ากับ 9,952 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,269 ล้านบาท หรือ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนมาจากบริษัทร่วมในธุรกิจเคมีภัณฑ์ 8,115 ล้านบาท หรือคิดเป็น 82% ของทั้งหมด เพิ่มขึ้น 1,264 ล้านบาท หรือ 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจากธุรกิจอื่น เท่ากับ 1,837 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1,832 ล้านบาท
ด้านเงินปันผลรับเท่ากับ 11,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,964 ล้านบาท หรือ 76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเอสซีจีมีเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม (เอสซีจีถือหุ้น 20-50%) เท่ากับ 10,045 ล้านบาท และจากบริษัทอื่น (เอสซีจีถือหุ้นต่ำกว่า 20%) เท่ากับ 1,413 ล้านบาท
เอสซีจียังคงมีโครงสร้างทางการเงินที่มั่นคงโดยมีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร ณ สิ้นไตรมาส 2/60 เท่ากับ 47,380 ล้านบาท ขณะที่ ณ สิ้นไตรมาส 4/59 อยู่ที่ 47,252 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะมีรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนถึง 26,984 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 มิ.ย.60 เอสซีจีมีสินทรัพย์รวม เท่ากับ 552,373 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 59 จำนวน 12,685 ล้านบาท มีเงินทุนหมุนเวียนสุทธิ 69,443 ล้านบาท ลดลง 683 ล้านบาท หรือ 1% จากไตรมาสก่อน ขณะที่มีอัตราหมุนเวียนสินค้าคงเหลือต่อยอดขายเท่ากับ 46 วัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ 42 วัน