PLT ตั้งสายการผลิตแผ่นฟิล์ม PET ในอินโดนีเซียมูลค่าลงทุนราว 3.14 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 31, 2017 08:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) (PLT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมามีมติอนุมัติให้จัดตั้งโครงการใหม่ (Green Field) ในประเทศอินโดนีเซีย ได้แก่ สายการผลิตแผ่นฟิล์ม PET ขนาดกว้าง 10.5 เมตร รวมการดำเนินกิจการในธุรกิจต้นน้ำ (สายการผลิตเม็ดพลาสติก) และการบูรณาการปลายน้ำ (การเคลือบพื้นผิว) และ สายการผลิตแผ่นฟิล์ม PET ชนิดบาง โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 44,000 ตันต่อปี

ประเภทผลิตภัณฑ์ของสายการผลิตแผ่นฟิล์ม PET ใหม่จะมีความหนา 9-125 ไมครอน มูลค่าการลงทุนทั้งหมดของโครงการคาดว่าประมาณ 95 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่ากับ 3,138 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินลงทุนในโครงการ 80 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบกับ 2,680 ล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ เทียบเท่า 503 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินโครงการภายในระยะเวลา 18 เดือนนับจากการปิดรอบระยะเวลาบัญชี

ประโยชน์ที่บริษัทคาดว่าจะได้รับคือ บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายแผ่นฟิล์ม PET ชนิดบางหลักให้กับผู้ผลิตแปรรูปใหญ่ ๆ เกือบทุกรายในตลาดสำคัญของโลก โดยประเทศอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญของบริษัท ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาบริษัทได้ให้บริการจากประเทศไทย และเพิ่มเข้าไปเจาะตลาดในอินโดนีเซียให้ลึกมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

การริเริ่มโครงการแผ่นฟิล์ม PET ชนิดบางในประเทศอินโดนีเซีย ทำให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทหลายประการ คือ อุปสงค์สำหรับแผ่นฟิล์ม PET ชนิดบางในอินโดนีเซียมีอยู่สูง มีอัตราการเติบโตสูง เมื่อมีการจัดตั้งโรงงานในพื้นที่นี้แล้ว PLT สามารถเข้าถึงโอกาสในการเติบโตและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ และ บริษัทอาศัยประสบการณ์ที่มีมายาวนานในการขายในตลาดนี้สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้อีก

โครงสร้างต้นทุนที่แข่งขันได้ เนื่องจากสายการผลิตแผ่นฟิล์ม PET ที่ผลิตได้สูงที่สุดในตลาดโลกและผนวกเข้ากับธุรกิจต้นน้ำสายการผลิตเม็ดพลาสติกและการเพิ่มมูลค่าจากธุรกิจปลายน้ำ อีกทั้งการลงทุนนี้จะช่วยส่งเสริมการส่งออกของกลุ่ม

นอกจากนั้น ยังมีข้อได้เปรียบในการเป็นแหล่งที่ตั้งภายในประเทศ โดยพิจารณาว่าจะเป็นการทำธุรกิจในระยะยาว ทั้งนี้เปรียบเทียบกับซัพพลายเออร์ที่อยู่ต่างประเทศ การที่อยู่ใกล้กับลูกค้าจะช่วยลดระยะเวลาตามวัฎจักร ทำให้การส่งสินค้าทำได้รวดเร็วขึ้น และทำให้สร้างข้อแตกต่างได้อย่างชัดเจนในมุมมองของลูกค้า สามารถหาวัตถุดิบหลัก เช่น PTA และ MEG ได้ในพื้นที่ แหล่งที่ตั้งแห่งใหม่จะยังช่วยกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจโดยรวมได้มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ