นายชลัช ชินธรรมมิตร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) คาดว่ากำไรสุทธิในปี 59/60 (พ.ย.59-ต.ค.60) จะดีสุดในรอบ 4-5 ปี หลังจะรับรู้กำไรพิเศษจากการควบรวมธุรกิจเอทานอลของบริษัท กับธุรกิจชีวภาพของบมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ที่จะแล้วเสร็จภายในเดือนต.ค.60 และสามารถบันทึกกำไรพิเศษเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/60 ด้านกำไรจากการดำเนินงานปกติในปี 59/60 อาจจะไม่สดใสนัก จากปริมาณอ้อยเข้าหีบที่ลดลงมาอยู่ที่ 6.8 ล้านตัน จากระดับ 7.1 ล้านตันในปีที่แล้ว ส่วนธุรกิจเอทานอลดีขึ้น ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้าทรงตัว
โดยแนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 59/60 จะลดลงจากช่วงครึ่งปีแรก จากราคาขายน้ำตาลที่ลดลง และการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าในช่วงไตรมาส 4 ของปีด้วย
"โดยหลักการการที่เอาบริษัทไปรวม แล้วบริษัทนั้นดำเนินกิจการมา 10 กว่าปีแล้ว ค่าเสื่อมลงมาเยอะแล้ว แล้วตัวบริษัทนั้นยังมีกำไรอยู่ ฉะนั้น รวมกันอย่างไร ตีมูลค่ากันอย่างไรก็ต้องเกินทุน เพียงแต่จะเกินเท่าไหร่ต้องมาดูมูลค่า ณ วันนั้น ต้องเอางบสิ้นเดือนตุลาคมมาดูกัน ซึ่งจะบันทึกในไตรมาส 4 ของงบบัญชีของเรา เข้าใจว่าจะได้กำไรเยอะพอสมควร แต่ตัวเลขยังไม่นิ่ง น่าจะทำให้กำไรเราทำได้สูงสุดในรอบ 4-5 ปี ส่วนกำไรพิเศษที่ได้จากการได้รับเงินคืนค่ารักษาเสถียรภาพ อันนั้นไม่เยอะ แค่หลัก 100-200 ล้านบาท แต่ตัวเลขพวกนี้เป็น non cash กำไรตัวเลขไม่ใช่เงินสด"นายชลัช กล่าว
อนึ่ง สำหรับการควบรวมธุรกิจเอทานอลครั้งนี้ จะเป็นการควบรวมระหว่างบริษัท บีบีพี โฮลดิ้ง จำกัด (BBH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทำธุรกิจชีวภาพ ของ BCP กับ บริษัท เคเอสแอลจีไอ จำกัด (KSLGI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ KSL จะจัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อรับโอน และเข้าถือหุ้น 99.99% ในบมจ.เคเอสแอล กรีน อินโนเวชั่น ซึ่งทำธุรกิจเอทานอล