หุ้น ECL ราคาวิ่งขึ้น 4.03% มาอยู่ที่ 3.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท มูลค่าซื้อขาย 24.34 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.33 น. โดยเปิดตลาดที่ 3.06 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.14 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.02 บาท
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะนำหุ้น บมจ.ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง (ECL) เป้าพื้นฐาน 3.64 บาท ประเมินกำไรในไตรมาส 2/60 Turnaround จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ในไตรมาส 2/59 มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการขายหุ้น PP ต่ำกว่าราคาตลาด ขณะที่ยังคงคาดผลประกอบการในครึ่งหลังปีนี้ จะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก จากการสะสมของพอร์ตสินเชื่อใหม่ต่อเนื่อง โดยช่วงครึ่งแรกปีนี้ ยอดสินเชื่อใหม่ เท่ากับ 1.35 พันล้านบาท (+160% YoY) ขณะที่ PE ปี 2560-2561 เท่ากับ 18 เท่า และ 14 เท่า ตามลำดับ ขณะที่ค่าเฉลี่ยกลุ่ม 30 เท่า
ทั้งนี้ หากวันนี้สามารถยืนเหนือแนวราคา 3.0 บาทได้ สำหรับนักลงทุนที่เข้าซื้อเก็งกำไรหวังการรีบาวด์วานนี้ แนะนำ "ถือ/Let profit run" ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 3.2-3.5 บาท ตามลำดับ แต่หากต่ำกว่า 3 บาท แนะนำ ขายล็อกกำไรก่อน รอการสร้างฐานราคาจึงเข้าสะสมใหม่
ด้านบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"หุ้น ECL ประเมินผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2/60 คาดสินเชื่อยังเติบโตได้ตามเป้าที่เฉลี่ย 200 ล้านบาท/เดือน ทำให้พอร์ตสินเชื่อสุทธิมาอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท +19% q-q และ +60%YTD โดยเฉพาะจาก Big bike แบรนด์ญี่ปุ่นที่มียอดจัดสินเชื่อราว 2-3 แสนบาท/คัน ขณะที่ Yield มากกว่า 10% และมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่ำปัจจุบันมีสัดส่วนถึงร้อยละ 33 ของสินเชื่อรวม ขณะที่ NPL ที่คาดจะยังคงต่ำกว่า 4% ดังเช่นในไตรมาส 1/60 และคาด Net Interest Margin ทรงตัวเท่ากับ 6.2%
พร้อมประเมินกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 31 ล้านบาท แม้ทรงตัวเทียบ q-q แต่จะเป็นการพลิกมีกำไรเทียบ y-y เนื่องจากไตรมาส 2/60 บริษัทมีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษสำรองกรณีเพิ่มทุน(PP)ราคาต่ำกว่าราคาตลาด จำนวน 42.75 ล้านบาท ทว่าหากเทียบเฉพาะกำไรปกติยังเติบโตถึง +118%y-y
ด้วยแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ออกมาดีกว่าคาดจากธุรกิจสินเชื่อและการเติบโตของกำไรเฉลี่ย (CAGR) ระหว่างปี 60-62 ถึง 28% แม้อาจเกิด Dilution effect จากการใช้สิทธิ ECL-W2 ในปี 61 ทว่าผลกระทบดังกล่าวจะถูกดูดซับโดยการเติบโตของกำไรที่ขยายตัว มอง ECL เป็น Growth stock จากเดิมที่เป็นบริษัท Leasing ขนาดเล็กสู่ขนาดกลางที่จะเปลี่ยนรูปแบบมาให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร (One-Stop Service) ทางฝ่ายจึงปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 4.00 บาทต่อหุ้น อิง P/E 25 เท่า (PEG =0.9 เท่า)