นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารอยู่ระหว่างการติดตามปัญหาที่เกิดขึ้นของลูกหนี้ คือ บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) หลังจาก EARTH ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ซึ่งทางธนาคารมีฝ่ายที่รับผิดชอบในกรณีของลูกหนี้รายดังกล่าวและอยู่ระหว่างกระบวนการจัดการ โดยเบื้องต้นได้มีการติดตามและสอบถามไปยังลูกหนี้เป็นระยะ
อย่างไรก็ดี การที่ EARTH ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทต่อศาลล้มละลายกลางนั้น ทางบริษัทไม่ได้มีการติดต่อเข้ามาสอบถามกับเจ้าหนี้รายอื่นๆ
หลังจากนี้ ธนาคารจะรอติดตามการพิจารณาและคำสั่งของศาลที่จะออกมา ซึ่งหากศาลมีคำสั่งเรียกเจ้าหนี้ให้เข้าไปพูดคุย ธนาคารก็จะต้องเข้าไปทำตามกระบวนการ โดยธนาคารเชื่อว่าเจ้าหนี้ทุกคนจะต้องแก้ปัญหาเพื่อหาทางออกและทำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งอาจจะมีการเรียกประชุมเจ้าหนี้เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาในกรณีของ EARTH
"ประเด็นเรื่อง EARTH ที่ไปยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ เรื่องลูกหนี้รายนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน เพราะมีฝ่ายที่เขาจัดการอยู่ ก็มีการติดตามปัญหาของลูกหนี้รายนี้อย่างต่อเนื่อง และตอนนี้ที่เขาไปยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาล เขาก็ไปยื่นของเขาเอง ไม่ได้มีการปรึกษาเจ้าหนี้ก่อน ทำให้เราต้องติดตามกระบวนการของศาลว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าเจ้าหนี้ทุกรายก็จะต้องพยายามรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง และพยายามให้เกิดผลกระทบต่อตนเองน้อยที่สุด ซึ่งอาจจะมีการประชุมเจ้าหนี้เพื่อร่วมกันหาทางแก้ปัญหาสำหรับเคสนี้ เพราะเป็นเรื่องปกติที่เจ้าหนี้จะต้องมีการปรึกษากันเพื่อหาทางออกของตนและลูกหนี้ ส่วนการตั้งสำรองฯของ EARTH ธนาคารยังรอการติดตามกระบวนการของศาลก่อน"นายปรีดี กล่าว
นายปรีดี กล่าวว่า แม้ว่าจะมีปัญหาดังกล่าว แต่ธนาคารยังมั่นใจว่าระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในสิ้นปีนี้จะอยู่ในระดับ 3.3-3.4% โดยครึ่งปีแรก NPL ของธนาคารอยู่ที่ 3.31% ซึ่งธนาคารยังคงบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ NPL ไม่เกินเป้าหมายที่ธนาคารตั้งไว้
ขณะที่การเติบโตของสินเชื่อรวมของธนาคารในปีนี้ยังคงเป้าหมาย 4-6% หลังจากครึ่งปีแรกสินเชื่อรวมเติบโต 3.22% โดยในช่วงครึ่งปีหลังธนาคารคาดว่าจะเห็นการขยายตัวของสินเชื่อรวมสูงขึ้นจากครึ่งปีแรก ปัจจัยสนับสนุนมาจากการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น การส่งออกที่ฟื้นตัวกลับมาดี และการลงทุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐที่เข้ามาช่วยกระตุ้นความมั่นใจของการลงทุนภาคเอกชน โดยคาดว่าจะเห็นความต้องการใช้สินเชื่อของภาคธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจ SMEs ที่กลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการเติบโตของสินเชื่อรวมในช่วงครึ่งปีหลังและทั้งปีของธนาคารให้เป็นไปตามเป้าหมาย