นายเอนก ธีระวิวัฒน์ชัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เปิดเผยว่า มีเอกชน 3 กลุ่มเข้ายื่นเอกสารประกวดราคางานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรอง (อาคารแซทเทิลไลท์) หลังที่ 1 (ชั้น 2-4) และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (CC1/2) ในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ได้แก่ 1. บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) 2.กลุ่มบมจ.ยูนิค นิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) ร่วมกับ ซันยองจากเกาหลี และ 3.กลุ่ม บมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) ร่วมกับ China Stateฯ
ในวันนี้คณะกรรมการประกวดราคาฯอยู่ระหว่างการตรวจคุณสมบัติของผู้ยื่นเอกสารประกวดราคามา หากเสร็จสิ้นแล้วก็มีแนวโน้มจะเปิดซองราคา และจะทราบผลในเบื้องต้นได้ อย่างไรก็ตาม หากราคาที่เสนอเข้ามาสูงกว่าราคากลางก็ต้องเจรจาต่อรองต่อไป
ทั้งนี้ งานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรอง (อาคารแซทเทิลไลท์) หลังที่ 1 (ชั้น 2-4) และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (CC1/2) กำหนดราคากลางอยู่ที่ 16,176 ล้านบาท
ส่วนงานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover: APM) ในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ที่มีราคากลาง 2,894.96 ล้านบาท นั้น นายเอนก กล่าวว่า บริษัทได้เชิญบริษัทผู้ผลิต APM ทั้ง 4 รายของโลก คือ ISI จากญี่ปุ่น, มิตซูบิชิ จากญี่ปุ่น , บอมบาร์ดิเอร์ จากฝรั่งเศส และซีเมนส์ จากเยอรมัน มาเข้าร่วมประกวดราคาในรอบใหม่ และจะเปิดให้ยื่นเอกสารประกวดราคาในปลายเดือน ส.ค.นี้ โดยผู้ผลิต APM ทั้ง 4 รายอาจจะจับมือกับบริษัทไทยรายเดิมหรือรายใหม่ก็ได้ ทั้งนี้ เมื่อยื่นซองแล้ว AOT จะตรวจสอบคุณสมบัติก่อนเป็นอันดับแรก หากผ่านก็จะพิจารณาข้อเสนอด้านราคาต่อไป
ขณะที่งานถัดไปเป็นงานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า (BHS) และระบบตรวจจับวัตถุระเบิด (EDS) วงเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งร่างทีโออาร์ใกล้แล้วเสร็จ คาดว่าจะเปิดขายซองประกวดราคาได้ในสัปดาห์หน้า โดยการจัดซื้อครั้งนี้ได้นำบทเรียนจากการจัดซื้อจัดจ้างงาน APM มาปรับปรุงให้มีการประกวดราคาอย่างรอบคอบ