นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายโรงงาน ของบมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) กล่าวว่า บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนราว 1 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับแผนการเข้าเสนอขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนกับภาครัฐ ทั้งในส่วนของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm ที่จะรับซื้อไฟฟ้าจำนวนรวม 300 เมกะวัตต์ (MW) และการรับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะชุมชน ที่เบื้องต้นคาดว่ารัฐบาลจะเปิดรับซื้อราว 100 เมกะวัตต์
การเสนอขายไฟฟ้าในโครงการ SPP Hybrid Firm นั้น บริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุน 2 พันล้านบาทเพื่อปรับรูปแบบโรงไฟฟ้า 2 โรงใน จ.สระบุรี ให้สามารถเสนอขายไฟฟ้า 50 เมกะวัตต์/โรง ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนทิ้ง 40 เมกะวัตต์ ก็จะปรับปรุงเป็น 50 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้า ที่ปัจจุบันใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ขนาด 70 เมกะวัตต์ ก็จะปรับปรุงมาใช้ขยะอัดแท่ง (RDF) เป็นเชื้อเพลิง เพื่อเสนอขายไฟฟ้า 50 เมกะวัตต์
สำหรับการเสนอขายไฟฟ้าตามการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนนั้น บริษัทได้เจรจากับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เพื่อผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ โรงละ 50 เมกะวัตต์ ใน 2 พื้นที่ จ.สงขลา และ จ.ชลบุรี โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท/โรง
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลยังไม่ได้ออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP Hybrid Firm และขยะชุมชน แต่เบื้องต้นคาดว่าในส่วนของการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนจะอยู่ที่ราว 100 เมกะวัตต์ แต่ก็มีโอกาสที่จะรับซื้อได้มากกว่านั้น เพราะปัจจุบันมีผู้ผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะจ่ายไฟฟ้าจริงเพียงกว่า 100 เมกะวัตต์เท่านั้น จากผู้ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จากเชื้อเพลิงขยะทั้งหมดราว 400 เมกะวัตต์ ก็คาดหวังว่ากำลังการผลิตตาม PPA ที่ยังไม่ได้ผลิตกว่า 200 เมกะวัตต์นั้น จะถูกนำมารวมในการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนรอบนี้ ทำให้ปริมาณการรับซื้ออาจเพิ่มเป็นราว 300 เมกะวัตต์
สำหรับความคืบหน้าของการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า จากเชื้อเพลิงขยะ 90 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนั้น ล่าสุด กฟผ.ได้ตอบรับ หลังจากโครงการดังกล่าวได้ผ่านรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว โดยคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวได้ในสัปดาห์หน้า