หุ้น IRPC ราคาไหลลง 2.73% มาอยู่ที่ 5.35 บาท ลดลง 0.15 บาท มูลค่าซื้อขาย 152.26 ล้านบาท เมื่อเวลา 9.59 น. โดยเปิดตลาดที่ 5.40 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 5.40 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 5.35 บาท
บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2/60 ลดลง 67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ปริมาณการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น แต่การที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากอุปทานส่วนเกิน ทำให้มีผลขาดทุนสต็อกน้ำมันสุทธิ
IRPC มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2/60 ที่ระดับ 1.23 พันล้านบาท ลดลงจากระดับ 3.71 พันล้านบาทในไตรมาส 2/59 โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ระดับ 3.71 พันล้านบาท ลดลง 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีรายได้จากการขายสุทธิ 4.99 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากงวดปีก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ (UHV) ได้ผลิตเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนก.ค.59
โดยกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มตามราคาตลาด (Market GIM) ที่ระดับ 13.58 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากระดับ 13.39 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในงวดปีก่อน เนื่องจากราคาเฉลี่ยของกลุ่มปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นจากโครงการ EVEREST แต่ในส่วนของกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มทางบัญชี (Accounting GIM) อยู่ที่ 11.64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากระดับ 15.81 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 2/59 จากราคาน้ำมันที่ลดลงส่งผลให้ขาดทุนสต็อกน้ำมัน ซึ่งในไตรมาส 2/60 มีขาดทุนจากสต็อกน้ำมันสุทธิ 1.18 พันล้าบาท ขณะที่ในงวดปีก่อนมีกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิ 1.42 พันล้านบาท ขณะเดียวกันในงวดไตรมาสนี้ยังมีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 315 ล้านบาท จากโครงการ UHV ที่ผลิตเชิงพาณิชย์
อย่างไรก็ดี บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น IRPC แม้กำไรสุทธิในไตรมาส 2/60 ลดลง 48% จากไตรมาสก่อน และลดลง 67% จากงวดปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าคาดเล็กน้อย จากขาดทุนสต็อกจำนวน 712 ล้านบาท และ Oil Hedging อีก 466 ล้านบาท แต่หากหักรายการพิเศษและขาดทุนสต็อกออก กำไรปกติจะอยู่ที่ 2.13 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 326% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากงวดปีก่อน จากการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพราะไม่มีหยุดซ่อมโรงงาน และ GIM ที่ทรงตัวในระดับสูง ส่วนแนวโน้มครึ่งหลังปีนี้ ผลงานจะเร่งตัวขึ้น จากการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และการขยายกำลังการผลิตโพลีโพรพิลีน ( PP) อีก 3 แสนตัน/ปี ทำให้ยังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้ ลดลง 21% จากปีก่อน แต่จะเพิ่มขึ้น 25% ในปีหน้า พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 7.40 บาท