โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.คาร์มาร์ท (KAMART) หลังคาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 2/60 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามความต้องการเครื่องสำอางที่ยังคงเพิ่มขึ้นสวนทิศทางการบริโภคที่อ่อนแอ ขณะที่ KAMART ได้ขยายช่องทางการขายผ่านโมเดิร์นเทรด และมีการส่งออกเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายลดลงช่วยหนุนผลการดำเนินงานโดยรวม
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เชื่อว่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากไตรมาส 3/60 มีแผนออกสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ Crayon และในไตรมาส 4/60 จะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจค้าปลีก
หุ้น KAMART พักเที่ยงอยู่ที่ 8.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือ 0.60% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 0.21%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กสิกรไทย ซื้อ 10.00 เออีซี ซื้อ 11.10 ธนชาต ซื้อ 10.20 ทิสโก้ ซื้อ 10.30
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มกำไรสุทธิของ KAMART ในไตรมาส 2/60 น่าจะเติบโตมาอยู่ที่ 72 ล้านบาท จากระดับ 61.72 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A to sales) ที่ลดลง จากการใช้สื่อโฆษณาแบบแมสที่ลดลง และจำนวนพรีเซนเตอร์สินค้าที่น้อยลง
ส่วนภาพรวมของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในครึ่งหลังปีนี้ การแข่งขันน่าจะสูงขึ้น ตามทิศทางการอุปโภคและบริโภคที่ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่ยังคาดหวังว่ารัฐบาลอาจจะออกมาตรการมาช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชนในช่วงครึ่งปีหลังด้วย ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายทั้งปีนี้ของ KAMART ให้เติบโตมาอยู่ที่ 1,730 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 315 ล้านบาท
น.ส.ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เออีซี กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ KAMART ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ น่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากไตรมาส 4/60 จะเป็นช่วงของ High Season ของธุรกิจค้าปลีก ซึ่ง KAMART มีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องภายใต้แบรนด์ Crayon ในช่วงไตรมาส 3/60
และยังมีแผนเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายในรูปแบบสาขาเดิม เช่น Kamart Shop อีกราว 1-2 สาขา/เดือน รวมถึงยังขยายตัวไปพร้อมกับร้านสะดวกซื้อทั้ง 7-11, Family Mart, Mini Big C และช่องทางการจำหน่ายใหม่ ๆ เช่น King Power, lemon Farm ประกอบกับการรุกขยายตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการกำไรสุทธิของ KAMART ทั้งปี 60 จะเติบโต 22.9% จากปีก่อน หรือมาอยู่ที่ 324 ล้านบาท และรายได้จะเติบโตราว 19.7% จากปีก่อน
"ครึ่งปีหลังปกติจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากไตรมาส 4/60 ที่เป็นช่วง High Season ของธุรกิจค้าปลีก และในไตรมาส 3/60 ก็จะออก product ใหม่เพิ่มเติมอีก ก็น่าจะส่งผลดีต่อยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น KAMART ยังมีจุดเด่นในเรื่องของการจ่ายปันผล ซึ่งปีนี้น่าจะมีอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยอยู่ที่ 2.8%"น.ส.ณัฏฐ์วริน กล่าว
ด้านบทวิเคราะห์ บล.ธนชาต ระบุว่าความต้องการเครื่องสำอางในอุตสาหกรรม สวนทางการบริโภคที่มีแนวโน้มอ่อนแอ คาดว่าอุตสาหกรรมจะเติบโตเกือบ 10% และยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีก โดยคาดว่าตลาดในประเทศจะมีขนาด 1.68 แสนล้านบาท และมียอดส่งออกราว 1.12 แสนล้านบาท ประกอบกับสินค้าเครื่องสำอางของไทยถือว่ามีคุณภาพและเชื่อถือได้ ทำให้ยังมีความต้องการส่งออกที่สูง ขณะที่ KAMART มียอดส่งออกราว 15% ของยอดขายรวม
นอกจากนี้การขายของ KAMART สำหรับในประเทศยังเติบโตเร็วกว่าอุตสาหกรรม ซึ่งเติบโตไปกับการขยายตัวของโมเดิร์นเทรด และช่องทางการจำหน่ายเดิม โดยคาดว่ายอดขายจะเติบโตเฉลี่ย 18% ต่อปี ในปี 60-62
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตมาที่ 83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สวนทางการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอ เป็นผลจากความต้องการเครื่องสำอางทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยอดขายผ่านทางโมเดิร์นเทรด ยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดยคาดยอดขายจะเติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสก่อนหน้า