นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "BRRGIF" ในวันที่ 7 สิงหาคม 2560
BRRGIF เสนอขายหน่วยลงทุนต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) ,ประชาชนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน ช่วงวันที่ 7-27 กรกฎาคม 2560 รวมจำนวน 350 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 10.30 บาท รวมมูลค่าเสนอขาย 3,605 ล้านบาท มีบลจ. บัวหลวง เป็นบริษัทจัดการกองทุน และบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย
BRRGIF ลงทุนในสิทธิรายได้สุทธิจากการประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าของบริษัทย่อยของ BRR ได้แก่ บจก. บุรีรัมย์พลังงาน (BEC) เป็นระยะเวลา 11 ปี สิ้นสุดอายุสัญญา 10 ส.ค. 2571 และ บจก.บุรีรัมย์เพาเวอร์ (BPC) เป็นระยะเวลา 18 ปี สิ้นสุดอายุสัญญา 6 เม.ย. 2578 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กมาก (VSPP) ประเภทพลังงานความร้อนร่วม ใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิงหลัก มีกำลังการผลิตโรงละ 9.9 เมกะวัตต์ รวม 19.8 เมกะวัตต์ โดยทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอัตรารับซื้อแบบ Feed in Tariff (FiT) ในปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดโรงละ 8 เมกะวัตต์ รวม 16 เมกะวัตต์ และมีกำลังผลิตไอน้ำของ BEC 85 ตันต่อชั่วโมง และของ BPC 100 ตันต่อชั่วโมง
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและการลงทุน บลจ.บัวหลวง เปิดเผยว่า BRRGIF เป็นกองทุนที่จะทำให้ผู้ลงทุนทั่วไปได้มีส่วนร่วมลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าชีวมวลของกลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ที่มีความมั่นคงในด้านรายได้จากสัญญาการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งเป็นลูกค้าหลัก จึงเชื่อว่า BRRGIF จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีจากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
BRRGIF มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ตามที่ระบุไว้ในโครงการจัดการกองทุน ไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง ในกรณีกองทุน มีกำไรสะสมเพียงพอ โดยเมื่อรวมแล้วในแต่ละงวดปีบัญชีจ่ายในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว และมีนโยบายคืนเงินลงทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปของการลดทุน เมื่อกองทุนมีสภาพคล่องส่วนเกิน โดยหลังการเสนอขายหน่วยลงทุน BRRGIF มีผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ 3 ลำดับแรก ได้แก่ บมจ. น้ำตาลบุรีรัมย์ ถือหน่วยลงทุน 29.61% ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ถือหน่วยลงทุน 10.00% และกลุ่มเสรีวิวัฒนา ถือหน่วยลงทุน 5.74%