นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHBANK) เปิดเผยว่า ตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมตั้งแต่ปี 61 จะเฉลี่ยอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี เพิ่มขึ้นจากระดับปกติที่สินเชื่อจะเติบโตช่วง 6-10% ต่อปี โดยได้รับการสนับสนุนจากการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรของ CTBC BANK จากไต้หวัน ซึ่งเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่ด้วยสัดส่วน 35.617% ใน LHBANK ทำให้มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพที่จะช่วยเสริมโอกาสการเติบโตในอนาคต
กลยุทธ์การเติบโตของสินเชื่อตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไปจะรุกขยายฐานกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่มากขึ้น ซึ่งการที่ได้ CTBC BANK เข้ามาสนับสนุนจะทำให้โอกาสการปล่อยสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ กระจายไปได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น และทำให้สามารถปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าของ CTBC BANK ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย หรือในภูมิภาคอาเซียนได้ โดยการเสริมศักยภาพซึ่งกันและกัน CTBC BANK จะใช้ LHBANK เป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจไปใน CLMV ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ LHBANK และ CTBC BANK มีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจในทิศทางเดียวกัน
"หลังการร่วมทุนเราก็คาดว่าจะให้วงเงินสูงสุดสำหรับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9 พันล้านบาท/ราย จากเดิมที่ 5.8 พันล้านบาท/ราย และเราก็ตั้งเป้าฐานลูกค้าสินเชื่อรายใหญ่โต 10-15% ต่อปี หลังจากที่เรามีเงินจาก CTBC เข้ามาสนับสนุนการขยายฐานลูกค้า โดยแผนการดำเนินงานในปีหน้าจะเริ่มวางแผนในช่วงเดือนพ.ย.นี้"นางศศิธร กล่าว
นางศศิธร กล่าวว่า การเสริมศักภาพของพันธมิตรทำให้ LHBANK สามารถเปิดให้บริการ Trade Finance เพื่อให้บริการกับลูกค้าที่มีการติดต่อทางการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเสริมให้ LHBANK จะมีบริการที่ครอบคลุมและครบวงจรมากขึ้น ขณะที่การบริการอื่นสำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ LHBANK ต้องการพัฒนาจากการเข้ามาเสริมศักยภาพของ CTBC BANK คือ การบริการด้านดิจิทัล แบงก์กิ้ง ซึ่งธนาคารมีความต้องการที่จะพัฒนาระบบดังกล่าวให้สามารถรองรับการบริการและการทำธุรกรรมของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประกอบกับการเพิ่มบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริการที่ LHBANK มุ่งหวังให้มีการดำเนินการ เพื่อเข้ามาสนับสนุนการบริการและสนับสนุนรายได้
ปัจจุบัน LHBANK มีสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อรวม แบ่งเป็น สินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ สัดส่วน 65% สินเชื่อที่อยู่อาศัย สัดส่วน 18-19% และสินเชื่อเอสเอ็มอี 14%
สำหรับแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อรวมในปีนี้ ยังมั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ระดับ 6-10% แม้ว่าสินเชื่อรวมในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาจะทำได้เติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย แต่มองว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้การลงทุนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐที่ประมูลไปแล้วจะเริ่มมีการลงทุนมากขึ้น และทำให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนตามมา ก็จะทำให้มีความต้องการสินเชื่อกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้สินเชื่อรวมของ LHBANK ในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
"ยอมรับว่า 7 เดือนที่ผ่านมา สินเชื่อเติบโตต่ำกว่าคาด เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงสินเชื่อรายย่อยค่อนข้างซบเซาในช่วงนี้ แม้สินเชื่อรายใหญ่จะยังเติบโตอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เติบโตมากเท่ากับเราคิดไว้ ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้คงจะเติบโตที่ดีมากขึ้น"นางศศิธร กล่าว
นางศศิธร กล่าวว่า ด้านสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้ยังมั่นใจว่าจะคุมให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2% แม้ว่าครึ่งปีแรก NPL จะอยู่ที่ 2.01% แต่แนวโน้มของ NPL ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะลดลง จากฐานสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ที่มีประสิทธิภาพ โดยหลังจากนี้การที่ LHBANK รุกขยายฐานกลุ่มสินเชื่อลูกค้าขนาดใหญ่มากขึ้น เพื่อเป็นการเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพที่ดีเข้ามา เพื่อลดความเสี่ยงของการเพิ่มขึ้นด้านหนี้เสียในอนาคต
ปัจจุบัน LHBANK มีสินทรัพย์รวม 2.24 แสนล้านบาท เติบโตจากสิ้นปีก่อน 6.8% มีสินเชื่อเพื่อธุรกิจ 66% สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี 15% และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 19% และมี NPL อยู่ในระดับต่ำเพียง 2% ของเงินให้สินเชื่อรวม ความร่วมมือกันในครั้งนี้ นอกจากจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของ LHBANK แล้ว ยังทำให้เงินกองทุนรวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 23.7%
นางสาวเยาวลักษณ์ อร่ามทวีทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Securities) กล่าวว่า หลังจากกลุ่มการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ CTBC BANK ในครั้งนี้ บริษัทจะมีความได้เปรียบในด้านการแข่งขัน รวมถึงการขยายฐานลูกค้าบุคคลและลูกค้าสถาบันเพิ่มมากขึ้น เพราะจากความเชี่ยวชาญของ CTBC BANK โดยเฉพาะด้าน Digital Banking และด้านการบริหารการเงินส่วนบุคคล (Wealth Management) ที่บริษัทจะนำมาปรับใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการด้านระบบเทคโนโลยี (Fin Tech) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
นางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LH Fund) กล่าวว่า LH Fund มีแผนออกกองทุนใหม่อย่างต่อเนื่องในปีนี้ ทั้งกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในไทยและในต่างประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกในการกระจายการลงทุนและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี รวมทั้งวางเป้าหมายที่จะเพิ่มขนาดกองทุนภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มขึ้นอีก เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่เกิดจากความร่วมมือกับทาง CTBC BANK และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรมให้มากขึ้น โดยอาศัยความเชี่ยวชาญการบริหารจัดการภายใต้กลยุทธ์ Asset Allocation ที่กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน
ในช่วงปลายปี 59 LH Fund มีขนาดกองทุนรวมที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการทั้งสิ้นประมาณ 7 หมื่นล้านบาท
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การที่ LHBANK ได้พันธมิตรจากไต้หวัน คือ CTBC BANK ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารชั้นนำระดับเอเชีย และมีเครือข่ายใน 14 ประเทศทั่วโลกนั้น เชื่อว่าการเข้ามาลงทุนของกลุ่ม CTBC BANK ในประเทศไทยโดยร่วมกับ LHBANK ในครั้งนี้ เป็นการแสดงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศในเศรษฐกิจไทยและภาคการเงินของไทย
พร้อมกับเป็นการเดินหน้าเพื่อเข้ามาร่วมกันพัฒนาระบบฟินเทคและดิจิทัลแบงก์กิ้งให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและทั่วถึงครอบคลุมบริการทุกด้าน อีกทั้งจะเป็นการช่วยในการเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจ ตลาดเงิน และตลาดทุนระหว่างประเทศให้เชื่อมโยงได้มากขึ้น ทำให้ระบบธนาคารพาณิชย์ไนประเทศไทยมีการบริการที่ครบวงจร
โดย ธปท.เชื่อว่าจากความแข็งแกร่งของ CTBC BANK ที่เข้ามาเสริมศักยภาพของ LHBANK จะช่วยเสริมฐานเงินทุนของ LHBANK ให้เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการทำงานที่ขยายกว้างมากขึ้น และเปิดบริการทางการเงินข้ามพรมแดนซึ่งเป็นความตั้งใจของธนาคาร และตอบโจทย์ของ ธปท.ที่ต้องการส่งเสริมให้ระบบการทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยเชื่อมโยงได้กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะใน CLMV โดยใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการดำเนินงาน "ครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของ LHBANK ที่จะมีพันธมิตรอย่าง CTBC เข้ามาเสริมศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว และทำให้ LHBANK สามารถเพิ่มบริการทางการเงินที่สนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น จากประสบการณ์และศักยภาพของ CTBC ที่เข้ามาเสริม"นายวิรไท กล่าว