ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ไทยคม จำกัด (THCOM) ที่ระดับ “A-" โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาดของบริษัทในการเป็นผู้ให้บริการธุรกิจสื่อสารดาวเทียมเพียงรายเดียวในประเทศไทย ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงสภาพคล่องที่เพียงพอและภาระหนี้ในระดับปานกลางของบริษัทด้วย
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวก็มีข้อจำกัดบางประการจากกฎระเบียบที่ซับซ้อนในธุรกิจสื่อสารดาวเทียม ตลอดจนความเสี่ยงจากการถูกทดแทนด้วยโครงข่ายการสื่อสารทางเลือกอื่น และค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนขนาดใหญ่ ทั้งนี้ การสูญเสียลูกค้ารายสำคัญซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัทยังเป็นปัจจัยจำกัดอีกประการหนึ่งสำหรับอันดับเครดิตด้วย
สถานะที่แข็งแกร่งทางธุรกิจของบริษัทไทยคมสะท้อนสถานะผู้นำในการให้บริการสื่อสารดาวเทียมในประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทให้บริการการสื่อสารด้วยดาวเทียมแบบวงโคจรค้างฟ้าจำนวน 5 ดวง โดยเป็นดาวเทียมแบบทั่วไป 4 ดวง คือ ไทยคม 5, 6, 7 และ 8 และเป็นดาวเทียมแบบบรอดแบนด์ 1 ดวง คือ ไทยคม 4 หรือไอพีสตาร์ สถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับแรงหนุนจากตำแหน่งวงโคจรที่มีศักยภาพสูงของดาวเทียมแบบทั่วไปจำนวน 3 ดวงที่ตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออก โดยมีช่องโทรทัศน์ที่ใช้บริการช่องสัญญาณดาวเทียมดังกล่าวของบริษัทอยู่จำนวน 875 ช่อง ณ เดือนมีนาคม 2560 นอกจากนี้ บริษัทยังมีสถานะทางการตลาดที่โดดเด่นในการให้บริการดาวเทียมบรอดแบนด์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วย การให้บริการสื่อสารด้วยดาวเทียมเป็นธุรกิจที่ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาได้ยากโดยมีปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่าง ๆ อาทิ ตำแหน่งวงโคจรที่มีจำนวนจำกัด เงินลงทุนที่สูง ตลอดจนการต้องมีความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีอวกาศ
อันดับเครดิตมีข้อจำกัดบางประการทั้งจากกฎระเบียบที่ซับซ้อนในธุรกิจสื่อสารดาวเทียม ความเสี่ยงจากการถูกทดแทนด้วยโครงข่ายการสื่อสารทางเลือกอื่น รวมทั้งการสูญเสียลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา บริษัทยังต้องเผชิญกับโครงสร้างกฎระเบียบระหว่างประเทศที่ซับซ้อนอีกด้วย นอกจากนี้ การแข่งขันในด้านราคาก็ยังมีความรุนแรงโดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ สำหรับในประเทศไทยนั้น เมื่อไม่นานมานี้บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายในเรื่องกฎระเบียบเกี่ยวกับการกำกับดูแลธุรกิจดาวเทียม ซึ่งทิศทางการกำกับดูแลที่ไม่ชัดเจนอาจเป็นปัจจัยลบต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัทได้
เมื่อปีก่อนบริษัทได้สูญเสียลูกค้าซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมรายสำคัญไป 2 รายซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรของบริษัท ถึงแม้ว่าจะมีลูกค้าใหม่เข้ามาทดแทนบางส่วน แต่อัตราการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมแบบทั่วไปของบริษัทยังลดลงจาก 60% ณ สิ้นปี 2559 มาอยู่ที่ 53% ณ เดือนมีนาคม 2560 บริษัทจึงได้พยายามที่จะรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้และขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเพิ่มอัตราการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมที่ยังเหลืออยู่
ในส่วนของบริการดาวเทียมบรอดแบนด์ในประเทศออสเตรเลียและประเทศไทยนั้น สัญญาการให้บริการของบริษัทจะหมดอายุในปี 2560 นี้ บริษัทพยายามทำการตลาดเพื่อหาลูกค้าใหม่จากกลุ่มผู้ประกอบการการสื่อสารโทรคมนาคมหรือโครงการภาครัฐมาทดแทนสำหรับตลาดภายในประเทศ ส่วนในประเทศออสเตรเลีย บริษัทได้เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจจากการเป็นผู้ให้บริการช่องสัญญาณแบบล็อตใหญ่มาเป็นผู้จัดจำหน่ายรายย่อยเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ใช้อินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียม บริษัทยังได้ตกลงให้บริการช่องสัญญาณของดาวเทียมไอพีสตาร์ในประเทศอินโดนีเซียจำนวนมากกว่า 1 กิกะบิตต่อนาทีในช่วงกลางปี 2560 ที่ผ่านมาด้วย ในขณะที่โอกาสในการตกลงให้บริการช่องสัญญาณล็อตใหญ่ในประเทศฟิลิปปินส์ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้ โดยคาดว่ารายได้จากลูกค้าใหม่และรูปแบบการทำธุรกิจใหม่จะช่วยทดแทนรายได้ที่หายไปจากการหมดสัญญากับลูกค้าในปีนี้ได้บางส่วน
การสูญเสียลูกค้ารายสำคัญไปในปีก่อนส่งผลทำให้รายได้ของบริษัทลดลง 8% จากปี 2558 มาอยู่ที่ 11,517 ล้านบาทในปี 2559 และลดลง 15% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2560 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 42.2% ในปี 2559 และ 39.5% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2560 เปรียบเทียบกับ 46.4% ในปี 2558 อัตรากำไรที่ลดลงเป็นผลมาจากต้นทุนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของดาวเทียมดวงใหม่คือดาวเทียมไทยคม 8 และการลดลงของรายได้เป็นสำคัญ
ในการประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณารวมไปถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทด้วย โดยบริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอ มีภาระหนี้ในระดับปานกลาง และมีนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวัง ทั้งนี้ ธุรกิจดาวเทียมสามารถสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงจากผลของการประหยัดจากขนาดและการทำสัญญาให้บริการนานหลายปี บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ค่อนข้างมากจำนวน 4,429 ล้านบาทในปี 2559 แม้จะลดลงจาก 5,111 ล้านบาทในปี 2558 ก็ตาม ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมมีเพียงพอซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่า 40% ตั้งแต่ช่วงปี 2557 จนถึง 3 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทมีภาระหนี้สินในระดับปานกลาง โดยมีเงินกู้รวมอยู่ที่ 9,667 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2560 ลดลงจาก 10,225 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 และมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 34.6% ณ เดือนมีนาคม 2560
ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทในช่วงปี 2560-2561 จะยังคงได้รับแรงกดดันจากการสูญเสียลูกค้ารายสำคัญและคาดว่าในช่วงปี 2560-2562 อัตรากำไรจะได้รับแรงกดดันจากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของดาวเทียมไทยคม 8 และจากการที่ธุรกิจใหม่และลูกค้าใหม่ต้องใช้เวลาในการสร้างรายได้และกำไร ทั้งนี้ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานน่าจะอยู่สูงกว่า 38% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทคาดว่าจะยังคงเพียงพอจากการมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ระดับสูงกว่า 30% ในช่วงปี 2560-2562 อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดบางส่วนจากการที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนจำนวนมากเพื่อใช้ในการสร้างและปล่อยดาวเทียมดวงใหม่ บริษัทวางแผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนโดยรวมไว้ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้าเพื่อใช้สำหรับการเสริมศักยภาพอุปกรณ์และซ่อมบำรุงประจำปี นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะลงทุนในดาวเทียมดวงใหม่อีก 2 ดวงด้วย ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทน่าอยู่ในระดับไม่เกิน 45% ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าระดับสภาพคล่องทางการเงินที่เพียงพอและกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอของบริษัทส่วนหนึ่งจะใช้เป็นเงินลงทุน
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งเอาไว้ได้และผลการดำเนินงานของบริษัทจะปรับดีขึ้น ทริสเรทติ้งยังคาดหวังให้บริษัทจัดการกับปัญหาด้านกฎระเบียบและความท้าทายต่าง ๆ ที่มีอยู่ได้เป็นอย่างดีโดยไม่ทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทแย่ลง
อันดับเครดิตอาจได้รับแรงกดดันจนทำให้ต้องปรับลดลงหากการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตของบริษัท หรือหากสถานะทางการเงินของบริษัทถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญอย่างต่อเนื่องจากการมีผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลง และ/หรือโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลง อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสร้างความแข็งแกร่งให้แก่สถานะทางการเงินเพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญจากการมีกระแสเงินสดและสภาพคล่องที่เข้มแข็งขึ้น