SMART ปรับกลยุทธ์รุกรายย่อย หลังมองตลาดอิฐมวลเบาช่วง H2/60 ชะลอตัวเหตุลงทุนภาครัฐล่าช้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 7, 2017 13:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.สมาร์ทคอนกรีต (SMART) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอิฐมวลเบาในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มชะลอตัว โดยเป็นผลจากโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐมีความล่าช้า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชะลอการเปิดโครงการใหม่ เน้นกระตุ้นการขายโครงการเดิมในเซ็กเมนต์ต่าง ๆ ขณะที่สถาบันการเงินระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการใช้อิฐมวลเบาอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น บริษัทได้ปรับกลยุทธ์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย ผู้ออกแบบ ผู้รับเหมามากขึ้น เนื่องจากมีความต้องการใช้งานอย่างต่อเนื่อง โดยมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่ม“บล็อกตกแต่ง"ที่มีลวดลายรูปแบบต่าง ๆ เพื่อรองรับความต้องการกลุ่มลูกค้าแบบครบวงจร และได้มีการจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าว อาทิ การออกบูธแนะนำผลิตภัณฑ์ การใช้สื่อออนไลน์สื่อสารกับกลุ่มลูกค้า การแนะนำผลิตภัณฑ์กับกลุ่มผู้ใช้โดยตรง ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดี เริ่มมีคำสั่งซื้อจากโครงการในภาคตะวันออก กลุ่มลูกค้าสถาปนิก และผู้รับเหมารายย่อยมากขึ้น

“ในช่วงครึ่งปีหลังแม้ตลาดยังอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่ SMART ยังคงเดินหน้าทำการตลาดเชิงรุก แนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จักและผลักดันสินค้าผ่านทุกช่องทางการจำหน่าย ส่วนของโครงการภาครัฐ-เอกชนขนาดใหญ่ก็ยังเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง แต่ได้มีการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่มเติม เพื่อทดแทนความต้องการที่ชะลอตัว"นายรังสี กล่าว

นายรังสี กล่าวว่า ส่วนการทำตลาดในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) บริษัทได้รุกตลาดลาวมากขึ้น โดยมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้น เนื่องจากความต้องการขยายตัวค่อนข้างมาก ปัจจุบันมีออเดอร์สินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ส่วนตลาดในกัมพูชายังเติบโตดี มีปริมาณคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าไปทำตลาดโดยให้ความรู้ด้านคุณภาพการใช้งานและคุณสมบัติผลิตภัณฑ์กับกลุ่มผู้ประกอบการด้านก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศปีนี้ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 2-3 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/60 ปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 72.215 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อยที่มีรายได้รวม 75.149 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 13.22 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมีผลขาดทุนสุทธิ 12.33 ล้านบาท ส่วนงวดครึ่งแรกปี 60 มีรายได้รวมอยู่ที่ 152.120 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 152.274 ล้านบาท

สาเหตุที่ผลประกอบการลดลงมาจากการชะลอตัวของโครงการภาครัฐและภาคเอกชน รวมไปถึงการลงทุนกระจุกตัวอยู่ในบางพื้นที่ เช่นในภาคตะวันออก ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่โฟกัสตลาดนี้ เข้ามาแข่งขันด้านราคา ทำให้ราคาจำหน่ายอิฐมวลเบามีการปรับตัวลดลง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นมีการปรับตัวลดลงและเกิดเป็นขาดทุนสุทธิจำนวนดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ