นายสามิตต์ ผลิตกรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมาย จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 7.5 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 401.65 ล้านบาท โดยช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้รวม 4.57 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 214.15 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานที่เติบโตมาจากคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาต่อเนื่อง และการเน้นบริหารจัดการต้นทุนให้ลดลง
สำหรับรายได้ของบริษัท แบ่งเป็น ชิ้นส่วนสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศ (EA-PARTS) ราว 40%, ชิ้นส่วนอุปกรณ์สำหรับเครื่องปรับอากาศที่ใช้สำหรับยานพาหนะ (AUTO-PARTS) 18%, การรับจ้างผลิตและประกอบ เครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น (OEM) 40% และ อื่น ๆ 2-3%
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิและอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.34% และอัตรากำไรขั้นต้น 12.92% โดยบริษัทเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี และหาแนวทางการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในชิ้นส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า
นอกจากนี้ บริษัทยังได้วางเป้าหมายที่จะคืนหนี้สถาบันการเงินปีละ 300 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 60-62) ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินต่อธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) อยู่ที่ 900 ล้านบาท และมีแผนจะแปลงหนี้จากระยะสั้นให้เป็นระยะยาวเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต ขณะที่ปัจจุบันมีหนิ้สินต่อทุน (D/E) ที่ 1 เท่า และวางเป้าหมายจะลดให้เหลือ 0.8 เท่าในสิ้นปีนี้
พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีแผนจะขายหุ้นในบริษัทย่อยที่ไม่สร้างผลกำไรออกไป 1 บริษัทภายในปีนี้ โดยจะเป็นขายคืนให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทนั้นๆ จากที่ปัจจุบันมีบริษัทย่อยรวม 15 บริษัท โดยจะนำเงินที่ได้ไปคืนให้กับธนาคาร ซึ่งการขายบริษัทย่อยออกไปจะไม่สร้างผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน เนื่องจากการเข้าไปลงทุนเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยหากจะกำไรหรือขาดทุนก็จะไม่เป็นผลกระทบมากนัก
"เราได้ดำเนินการตามแผนการบริหารจัดการต้นทุนด้านต่าง ๆ เพื่อที่จะบริหารจัดการต้นทุน ทั้งด้านการผลิต และทางด้านการเงิน เพื่อที่จะเพิ่มผลประโยชน์ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ โดยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/60 จะต่ำกว่าช่วงไตรมาส 2/60 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น แต่อย่างไรก็ตามจะกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4/60 เนื่องจากเป็นช่วงที่มีคำสั่งซื้อเข้ามามาก และเป็นช่วงไฮซีซั่น"นายสามิตต์ กล่าว
นายสามิตต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้มีการลงทุนในโครงการโซลาร์รูฟที่จังหวัดระยอง กำลังการผลิต 3.43 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่ 13% ซึ่งบริษัทจะใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดกับโรงงานของบริษัท ช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ราวเดือนละ 1 ล้านบาท