BRRGIF ปิดเทรดวันแรกที่ 10.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท (+1.94%) จากราคาขาย IPO ที่ 10.30 บาท/หน่วย มูลค่าซื้อขาย 462.71 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 10.60 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 10.90 บาท และราคาลงต่ำสุด 10.50 บาท
นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) เปิดเผยว่า การเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ (BRRGIF) ในวันแรกได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของกองทุน ที่สามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคง และให้ผลตอบแทนการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ BRRGIF จะเข้าไปลงทุนในสิทธิรายได้สุทธิจากการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าของบริษัท บุรีรัมย์พลังงาน จำกัด (BEC) และบริษัท บุรีรัมย์เพาเวอร์ จำกัด (BPC) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กมาก (VSPP) ประเภทพลังงานความร้อนร่วม ที่ใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิงหลัก เป็นโรงไฟฟ้าสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในกลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าโรงละประมาณ 9.9 เมกะวัตต์ รวม 19.8เมกะวัตต์ โดย BEC และ BPC ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีอัตรารับซื้อไฟฟ้า แบบ Feed in Tariff ("FiT") ในปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดโรงละ 8 เมกะวัตต์ รวม 16 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไอน้ำในส่วนของ BEC 85 ตันต่อชั่วโมง และ BPC มีกำลังการผลิตไอน้ำ 100 ตันต่อชั่วโมง
"นโยบายสนับสนุนการพัฒนาพลังงานชีวมวลของภาครัฐน่าจะส่งเสริมการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าในอนาคต โดย BRR มีแผนจะศึกษาสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ในอนาคตเพิ่มเติมและมีโอกาสนำเข้ากองทุน BRRGIF ด้วย" นายอนันต์ กล่าว
ด้านนายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนนี้เป็นกองทุนที่น่าสนใจเนื่องจาก เป็นกองทุนที่ลงทุนในสิทธิรายได้สุทธิฯ ที่จะเกิดขึ้นจากการประกอบกิจการของโรงไฟฟ้าชีวมวลในกลุ่มบุรีรัมย์ ที่มีความมั่นคงทั้งในด้านของรายได้จากสัญญาการขายไฟฟ้าให้กับ กฟภ. แบบ FiT โดย BEC มีสัญญาขายไฟฟ้าถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2571 ขณะที่ BPC มีสัญญาขายไฟฟ้าถึงวันที่ 6 เมษายน 2578
ขณะที่กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง โดยการจ่ายเงินผู้ถือหน่วยนั้นได้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เงินปันผลจากกำไรสุทธิของกองทุน และเงินจ่ายคืนจากการลดเงินลงทุนในรายได้สุทธิ (ลดทุน) ซึ่งผู้สอบบัญชีได้จัดทำประมาณการกำไรขาดทุน และการปันส่วนกำไรในรอบ 12 เดือน ประมาณการเงินปันผลของกองทุนไว้ที่ประมาณ 6.5% และเงินจ่ายคืนจากการลดทุนประมาณ 4.7% รวมเป็นเงินจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยประมาณ 11.2% โดยเป็นการคำนวณจากขนาดกองทุนที่ 3,717 ล้านบาท (ขนาดกองทุนจากการระดมทุนจริงอยู่ที่ 3,605 ล้านบาท)
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน เปิดเผยว่า จุดเด่นของกองทุน BRRGIF คือ รายได้ที่มั่นคงจากการทำสัญญาซื้อขายเชื้อเพลิงชีวมวลที่แน่นอนในระยะยาวและครอบคลุมระยะเวลาลงทุนของกองทุน และการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ กองทุน BRRGIF จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนต้องการลงทุนระยะยาว ไม่ชอบความผันผวน และชื่นชอบการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอและสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก รวมไปถึงยังได้รับยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นระยะเวลา 10 ปี